วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงินถาม ก.ล.ต. ดังๆ  โบรกเกอร์กล้าดีอย่างไร นำเงินลูกค้าไปจ่ายหนี้ สุนันท์ ฟาด หน่วยงานกำกับขาดความเด็ดขาดในการกำจัด

Related Posts

ถาม ก.ล.ต. ดังๆ  โบรกเกอร์กล้าดีอย่างไร นำเงินลูกค้าไปจ่ายหนี้ สุนันท์ ฟาด หน่วยงานกำกับขาดความเด็ดขาดในการกำจัด

“…บทเรียนหุ้น MORE น่าจะทำให้ ก.ล.ต.ตื่น เพราะการปั่นหุ้นยังอาละวาด สร้างความเสียหายให้นักลงทุนจนถึงทุกวันนี้  โดยมีสื่อเชียร์หุ้น ชี้นำหุ้น และการปลุกปั่นมอมเมาให้นักลงทุนเล่นหุ้นปั่นในคราบสื่อย่างหวือหวา แม้ก.ล.ต.จะตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบหุ้น MORE ขึ้นมาด้วยความรวดเร็วในการตรวจสอบการกระทำที่อาจจะเป็นความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หากเทียบกับ Zipmex กรณีความเสียหาย 2,000 ล้านบาท กับการให้ลูกค้าเปิดแคมเปญ Ziplock Zipup+ โดยนำเงินนักลงทุนไปใช้หาประโยชน์อื่นใดในต่างประเทศ จนวันนี้นักลงทุนไม่สามารถ ถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ตไม่ครบถ้วน ถาม ก.ล.ต. ว่าได้ขยับขับเคลื่อนปิดชั่วคราวอย่างเท่าเทียมบ้างหรือไม่?..”

การซื้อหุ้น MORE พิสดารแห่งปี 2565  “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ผ่านบัญชีเงินสด T+2 อุทาหรณ์โบรกเกอร์ หวังค่าคอมมิสชั่น  ส่อสะท้อนตลาดทุนไทย ยังมีมิจฉาชีพแฝงกายหากินหรือไม่?  รายใหญ่โดน ก.ล.ต. ดิ้นตรวจสอบ เมื่อรายย่อนโดน ก.ล.ต. จะอ้างอะไร ปฏิบัติการจ้องปั่นกินเงินรายย่อยส่อแววเกลื่อนตลาด ต่อข้่ิอคำถามใหญ่ 2 มาตรฐาน โบรกเกอร์หุ้นใช้เงินนักลงทุนผิดวัตถุประสงค์โดนปิดชั่วคราว และโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซี่ ออกแคมเปญล็อคเหรียญเสียหายนับพันล้านบาท จะโดนปิดหรือไม่? ปฏิบัติการข่าวสารขยันปั่นข่าวเสริมสภาพคล่องได้แล้ว แต่ไหนล่ะ.. เงินจริง ด้านสุนันท์ ศรีจันทรา  ฟาด ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะทำหน้าที่กำกับดูแลป้องกัน และปราบปรามพฤติกรรมปั่นหุ้นขนาดไหนก็ตามแต่การที่หุ้นปั่นยังอาละวาด สร้างความเสียหายให้นักลงทุนจนถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะทั้ง 2 หน่วยงานขาดความเด็ดขาดในการกำจัด

หุ้น MORE เปิดตลาดกลับมาให้นักลงทุนซื้อขายกันได้แล้วในวันจันทร์ ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ราคายังคงร่วงหนัก ต่ำกว่า 1 บาท จากเดิมที่เคยขึ้นไปแตะ 3 บาท สืบเนื่องจาก ปรากฎการณ์การใช้ “บัญชีเงินสด” (Cash Account) นำหุ้นวางค้ำประกันแล้วดันราคา โดย 6 ขาใหญ่ ตัวละครสำคัญ ในเครือข่าย ปิงปอง-อภิมุข บำรุงวงศ์ ที่เข้าไปเกี่ยวพันกับปมการซื้อ-ขาย  หุ้น MORE ซึ่งเวลานี้ถูก ปปง. อายัดบัญชีเงินสด-รายการจ่ายเงินไว้แล้ว

ความหละหลวมด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ของบรรดาโบรกเกอร์หลายเจ้า ทำให้โบรกเกอร์บางรายถึงขั้นต้องนำเงินหมุนเวียนของลูกค้ารายอื่นไปชำระหนี้แทนกลุ่มผู้ดันราคา เพราะท้ายสุดกลุ่มที่ดันราคาขึ้นโดยใช้เงินโบรกเกอร์ก่อน หาเงินมาชำระคืนโบรกเกอร์ไม่ได้ แต่โบรกเกอร์ฝั่งซื้อก็มีภาระผู้พันธ์ต่อสำนักหักบัญชีจะต้องหาเงินมาชำระให้ได้ตามระเบียบ

เมื่อโบรกเกอร์บางรายใช้เงินของลูกค้าไปทำอย่างอื่นซึ่งถือว่าผิดชัดเจน จึงโดน ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ลงดาบ สั่งปิดชั่วคราวอย่างเช่น กรณีของโบรกเกอร์ เอเชีย เวลท์

นางณัฐญา นิยมานุสร ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ในกรณีของ บล. เอเชีย เวลท์ ที่สำนักงานมีคำสั่งให้หยุดประกอบธุรกิจนั้น เกิดจากการตรวจสอบจากทางสำนักงาน ก.ล.ต. และการให้ข้อมูลจากทางบริษัท ซึ่งเป็นปัญหาของบริษัทเท่านั้น โดยบริษัทต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานทั้ง 4 ข้อที่กำหนด คือ

1.นำเงินของลูกค้าที่บริษัทนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยที่ลูกค้าไม่ได้อนุญาต มาคืนภายในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. 2565

2.ระงับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงโดยรวม ในเงินลงทุนของบริษัท หรือการดำเนินการตามภาระผูกพันที่ค้างอยู่ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะนำเงินลูกค้ามาคืน และได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจได้ตามปกติ

3.จัดให้มีระบบงานในการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ภายในวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. 2565

4.อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของบริษัท เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าที่มีอยู่กับบริษัทได้ตามความประสงค์ของลูกค้า ภายในระยะเวลาที่ตกลงกับลูกค้า

เมื่อบริษัทดำเนินการแก้ไขแล้วเสร็จสำนักงาน ก.ล.ต. จะเข้าตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งจนกว่าจะมั่นใจและให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่า ก.ล.ต. มีอำนาจเต็มในการคุ้มครองเงินของนักลงทุนรายย่อย มิให้โบรกเกอร์นำไปใช้จ่ายตามอำเภอใจ ภายใต้กฎหมาย พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

โดย นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ตั้งคณะทำงานดำเนินการหุ้น MORE เพื่อตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับการสร้างราคาของหุ้นดังกล่าว

“ก.ล.ต.ได้ตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบหุ้น MORE ขึ้นมาเพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบการกระทำที่อาจจะเป็นความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้”

โดยคณะทำงานดังกล่าว มี นายเอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ก.ล.ต. นั้นเป็นผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราจะดูใน 3 ส่วน คือ

1 เรื่องการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์หรือไม่ ทั้งในกรณีฉ้อโกง หรือ การซื้อขายอันไม่เป็นธรรม

2 การดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นไปตามหน้าที่หรือไม่ และ

3 คุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ทั้งที่จดทะเบียนอยู่เดิม และเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นอย่างไร โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็ก

ด้าน นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 กรณี ซึ่งในส่วนของความผิดเรื่องฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ปัจจุบันมีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเบื้องต้นจะมีการนำส่งข้อมูลให้ทันในช่วงบ่ายวันนี้ (18 พ.ย.65) ด้านความผิดกรณีการสร้างราคาหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) ตลท.กำลังเก็บข้อมูลหลักฐานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

หากหยิบยก และการตรวจสอบโบรกเกอร์กรณีใช้เงินลูกค้าผิดวัตถุประสงค์อย่างเคร่งครัดทำให้ย้อนคิดถึงกรณี งาน Zipmex  กรณีความเสียหาย 2,000 ล้านบาท กับการให้ลูกค้าเปิดแคมเปญ Ziplock Zipup+ จนวันนี้นักลงทุนไม่สามารถ ถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ตไม่ครบถ้วน  คำกล่าวอ้างต่อหน้าสังคมว่า “ก.ล.ต.ไม่เคยปรึกษาหารือมาก่อน” ยังดังก้องในหูในหมู่นักลงทุน นั่นแสดงให้เห็นความสองมาตรฐานหรือไม่?

เพราะเมื่อเป็นโบรกเกอร์หุ้นสามารถสั่งปิดชั่วคราวได้ แต่วันนี้  Zipmex  ที่ยังหาสภาพคล่องใดๆ มาชำระเงินคืนแก่นักลงทุนไม่ได้ทั้งหมด โดยนำเงินนักลงทุนไปใช้หาประโยชน์อื่นใดในต่างประเทศ ถาม ก.ล.ต. ว่าได้ขยับขับเคลื่อนปิดชั่วคราวอย่างเท่าเทียมบ้างหรือไม่?

โดยค่าปรับเบาะๆ ข้อหาเบาๆ  เพียง 1.92 ล้านบาท   ไม่กระทบขนหน้าแข้งคนรวย แม้แต่เทียบความเสียหายเหมือนเอา ช้างมายังสายตามด   ส่อยอมรับสภาพว่าตนเองไม่มีอำนาจ รอเพียงศาลสิงคโปร์ ไปจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2565 เพื่อให้  Zipmex หาผู้ร่วมหุ้นนำเงินมาลงทุนเสริมสภาพคล่อง

ส่วนกระแสข่าวจากแหล่งข่าว ที่ว่า   Zipmex อยู่ระหว่างเจรจากับ “วี เวนเจอร์ส” ซึ่งเป็น Ventures Capital ที่อยู่ในเครือของกลุ่ม TTA  เป็นหมันเพราะเวลาล่วงเลยมาร่วมเดือนยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

ประเด็นดังกล่าวโบรกเกอร์หุ้นไทยคงถามหาความเท่าเทียม แม้จะเป็นการควบคุมกระดานเทรดภายใต้กฎหมายคนละฉบับ แต่เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ผลลัพธ์และกระบวนการพิจารณาเอาความ ควรอยู่ภายใต้มาตรการที่จับต้องได้อย่างเท่าเทียม เพราะการใช้เงินลูกค้าผิดวัตถุประสงค์ เจ้าหนี้ไม่ยินยอม หรือการอวดอ้างขายฝันลงทุนต่างประเทศในรูปแบบเสี่ยง แกมบังคับ ถือเป็นเรื่องผิดร้ายแรงชนิดรับไม่ได้ในสายตานักลงทุน ซึ่งเป็นหน้าที่ตรงของ ก.ล.ต. ต้องควบคุมคุ้มครองรายย่อย ให้สมกับค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแอร์ เงินเดือนที่อยู่ในขั้น คนชนชั้นสูง เทียบไม่ได้เลยกับคนหาเช้ากินค่ำหรือมนุษย์เงินเดือนรายได้หลักหมื่นบาท

ส่วนเรื่องมาตรการจัดการความผิดที่อวดมาตลอดในด้านความผิดกรณีการสร้างราคาหลักทรัพย์ หรือ ปั่นหุ้น ผลงานของ ก.ล.ต. ยังเป็นที่ตั้งคำถาม..? เพราะหุ้นปั่น รวมถึงกรณีการนำหุ้นค้ำประกันหาวงเงินมาพยุงราคาหุ้นอย่างผิดปกติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในตลาดหุ้นไทย

ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์  นักวิเคราะห์และนักจัดรายการหุ้นชื่อดังชี้อุทาหรณ์ ส่อสะท้อนภาพตลาดหุ้นไทยไว้ โดยโพสต์ในเพจส่วนตัวว่า  ตำนาน หุ้นมอ(รณะ) ในอดีต

พ.ศ.2521-หุ้นราชาเงินทุน ปั่นจาก275 ขึ้นไปสูงสุด 2,470 บาท 8 เด้ง เจ้าของปล่อยกู้ลูกวงมาไล่ซื้อหุ้นตัวเอง ตอนจบแบงก์ชาติสั่งปิด ตลาดหุ้นร่วง 50% ซบเซาไป 8 ปี

พ.ศ.2535-หุ้นแบงก์ BBC ถูกปั่นจาก 3 บาท ขึ้นไป 120 บาท ในเวลา 12 วัน เสี่ยสอง อาศัยจังหวะเจ้าของหละหลวมและ loss control รวบรวมหุ้นได้ 43% หวังเทกโอเวอร์ แต่เจ้าของเป็นผู้ดีเก่าใช้เส้นให้รัฐบาลบังคับเสี่ยสองปล่อยหุ้นคืน แต่ตัวเจ้าของก็ให้ราเกซ สักเสนา ทำธุรกรรมเสี่ยงสุดๆ ปล่อยกู้นักธุรกิจ-นักการเมืองไปเทกโอเวอร์หุ้นเน่า หลักประกันต่ำ ท้ายสุดถูกฝ่ายค้านนำโดยลุงกำนันอภิปรายซักฟอก เกิดภาวะ Bank run คนแห่ถอนจนแบงก์ล้ม และลุกลามมาเป็นวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540

อีก 30 ปีต่อมา เจ้าของแบงก์ BBC ติดคุก และตาย ราเกซ ยังถูกจำคุก นักการเมืองกลุ่ม 16 ตอนนี้อยู่ดีมีสุขทุกคน ลุงกำนันก็ยังมีfcหนาแน่น

 มี พรบ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ พ.ศ.2535 ที่คงต้องมาแก้ไขล้อมคอกไม่ให้เกิดหุ้นมอ(รณะ) กันอีก ทั้งหุ้นราชาเงินทุน และ BBC กลายเป็นศูนย์ ..เม่าขิต!

ส่วน สุนันท์ ศรีจันทรา นักเขียนนักจัดรายการหุ้นที่จับตาการทำงานของ ก.ล.ต. มาหลายสิบปี ชี้ประเด็นตั้งข้อสังเกตอย่างแหลมคมไว้ว่า  หุ้นปั่นอยู่คู่กับตลาดหลักทรัพย์มาแล้ว 47 ปี และสิ่งที่น่าแปลกใจ จะสร้างความย่อยยับให้นักลงทุนนับแสนๆ คนมาแล้ว แต่ยังมีนักลงทุนจำนวนมากตามแห่เข้าไปเสี่ยงดวงกับหุ้นปั่นอีก

โศกนาฏกรรมจากหุ้นปั่นแต่ละครั้ง ตั้งแต่ยุค นายสอง วัชรศรีโรจน์ หรือเสี่ยสอง หรือแม้แต่กรณีหุ้นเน่าที่แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น และผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นทิ้งในทันที คดีหุ้นบริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) อาจทำให้นักลงทุนเลิกเล่นหุ้นปั่นไปพักหนึ่ง แต่แล้วก็กลับมาเล่นกันใหม่ กลายเป็นวัฏจักรของวงจรอุบาทว์ในตลาดหุ้น

หุ้นตัวเล็กตัวร้าย หุ้นร้อน หรือหุ้นที่มีพฤติกรรมปั่น ทั้งโบรกเกอร์และนักลงทุนต่างก็รู้ว่าหุ้นตัวไหนปั่น เพียงแต่ตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นที่ไม่ค่อยจะรู้ หรือรู้แล้วทำอะไรไม่ได้

ความอยากในรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหุ้นของโบรกเกอร์ ความโลภของนักลงทุนที่ต้องการรวยลัดและรวยเร็ว กลายเป็นใบเบิกทางของแก๊งปั่นหุ้นในการล่อแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ หุ้นตัวไหนปั่น ปั่นกันอย่างไร เจ้ามือหรือนักลงทุนขาใหญ่กลุ่มไหนและคนใดปั่น โบรกเกอร์รู้ดีที่สุด แต่จะมีโบรกเกอร์สักกี่รายที่มีสำนึกในการปกป้องนักลงทุนรายย่อย และเตือนให้ลูกค้าหลีกเลี่ยง หรือห้ามเข้าไปเล่นหุ้นปั่น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะทำหน้าที่กำกับดูแลป้องกัน และปราบปรามพฤติกรรมปั่นหุ้นขนาดไหนก็ตาม แต่การที่หุ้นปั่นยังอาละวาด สร้างความเสียหายให้นักลงทุนจนถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะทั้ง 2 หน่วยงานขาดความเด็ดขาดในการกำจัด พฤติกรรมการเชียร์หุ้น ชี้นำหุ้น และการปลุกปั่นมอมเมาให้นักลงทุนเล่นหุ้นปั่นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางคนสร้างราคาให้ตัวเอง โดยอวดอ้างเป็นกูรูหุ้น แนะนำหุ้นร้อน เชียร์ให้นักลงทุนเข้าไปเล่นอย่างโจ๋งครึ่ม และบางคนเป็นมือปืนรับจ้าง รับใบสั่งจากนักลงทุนขาใหญ่ในการเชียร์หุ้นรายตัวกลุ่มคนในคราบสื่อหลายสำนักนำเสนอข่าวหุ้นอย่างหวือหวา บางแห่งเต้าข่าว สร้างข้อมูลเท็จเพื่อปั่นราคาหุ้น บางสำนักทำตัวเป็นลูกสมุนโบรกเกอร์และนักลงทุนขาใหญ่และยังมีการปล่อยข่าวลือ หรือสร้างข่าวเชียร์หุ้นอย่างโจ่งแจ้งผ่านสื่อโซเชียล

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ปล่อยปละละเลยกลุ่มคนที่ปลุกเร้ามอมเมาให้นักลงทุนเล่นหุ้นปั่นหรือไม่ ขาดมาตรการเข้มงวดในการกำกับหรือใช้มาตรการลงโทษคนที่เชียร์จนเข้าข่ายการชี้นำหุ้นหรือไม่หรือทั้ง 2 หน่วยงานชินชากับพฤติกรรมที่นำพานักลงทุนไปเป็นเหยื่อของแก๊งปั่นหุ้นเสียแล้ว

คดีหุ้น MORE กำลังปลุกโบรกเกอร์ให้ตระหนักถึงความล่มสลาย เพราะปฏิบัติการปล้น 4.5 พันล้าน ถ้าตั้งตัวรับมือไม่ทัน หลายโบรกเกอร์คงต้องล้มตาย และเป็นอีกบทเรียนที่ทำให้นักลงทุนตระหนักถึงหายนะจากการเล่นหุ้นปั่น

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์น่าจะถูกปลุกให้ตื่นจากคดีหุ้น MORE โดยกำหนดวาระแห่งตลาดหุ้นปราบแก๊งมิจฉาชีพในคราบกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่อาศัยตลาดหุ้นหากิน และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของนักลงทุนให้สิ้นซาก

นำตลาดหุ้นกลับสู่การลงทุนที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ซื้อขายหุ้นด้วยความโปร่งใสในความเท่าเทียม บนหลักการพิจารณาด้วยเหตุผลตามข้อมูลพื้นฐานที่เป็นจริง ไม่ปล่อยให้เกิดการปลุกเร้าการเก็งกำไร เชียร์เล่นหุ้นร้อน ไม่ปลอยให้แก๊งปั่นหุ้นมีที่ยืนในตลาดหุ้นเหมือนทุกวันนี้

สำหรับบัญชีที่ใช้ในภารกิจก่อการครั้งนี้ ถ้าจะแยกแยะให้เข้าใจง่าย ในปัจจุบันการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นมีให้เลือกเปิดได้ 3 ประเภท คือ บัญชีเงินสด (Cash Account), บัญชีวางหลักประกันเต็มจำนวน (Cash Balance) และบัญชีมาร์จิ้น (Margin Account) หรือว่าบัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance) นั่นเอง

บัญชีเงินสด (Cash Account) เป็นบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่นักลงทุนสั่งซื้อหลักทรัพย์เท่ากับวงเงินที่ได้รับ…สรุปง่าย ๆ คือ “ซื้อก่อน..จ่ายเงินทีหลัง” ซึ่งโบรกเกอร์แต่ละแห่ง จะดูวงเงินการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนแต่ละราย ตามฐานะทางการเงินหลักประกันและความสามารถในการชำระหนี้

เมื่อได้รับการอนุมัติวงเงินแล้ว นักลงทุนต้องวางหลักประกัน 15% ของวงเงินดังกล่าวไว้กับโบรกเกอร์ ตัวอย่างเช่น ถ้าได้รับอนุมัติวงเงิน 100,000 บาท ต้องวางหลักประกัน 15,000 บาท แต่หากวางหลักประกันไม่ครบจะได้รับอนุมัติวงเงินไม่ถึงตามที่อนุมัติไว้ก่อนหน้า

หลักประกันที่ว่านี้จะเป็นเงินสดหรือหลักทรัพย์ก็ได้ ถ้าเป็นเงินสด นักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยด้วย ข้อดีของบัญชีประเภทนี้อยู่ที่ “การชำระเงินค่าซื้อหุ้น..ไม่ต้องชำระเงินทันที” แต่โบรกเกอร์ จะตัดเงินค่าซื้อหลักทรัพย์จากบัญชีเงินฝากหรือกองทุนรวมที่เปิดไว้กับโบรกเกอร์ในวันทำการที่ 2 จากวันที่สั่งซื้อหลักทรัพย์ (T+2)

ปมปัญหา..การซื้อหุ้น MORE ที่โบรกเกอร์เผชิญตอนนี้คือ “บัญชีเงินสด” ที่ผู้ซื้อหุ้นไม่ยอมจ่ายเงินตามกำหนดเงื่อนไข T+2 แต่โบรกเกอร์ของผู้ซื้อมีการจ่ายเงินและรับหุ้น MORE มาแล้ว..ความหายนะจึงตามมาทันที..

บทเรียนการใช้ “บัญชีซื้อก่อน..จ่ายเงินทีหลัง” ครั้งนี้..ถือเป็นความเจ็บปวดที่โบรกเกอร์ต้องจดจำกันไปอีกนานเลยทีเดียว..!!!??

แม้วันนี้คดีที่พัวพันกรณีหุ้น MORE ได้รับการ reaction อย่ารวดเร็วโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย  (ASCO) และ ก.ล.ต. แต่ลองนึกคิดดูว่า ถ้ากรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นในหมู่นักลงทุนรายย่อยทั้งในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ และในหุ้นปั่น ปลุกรายได้และกำไรทิพย์ จะมีหรือไม่…ที่หน่วยงานเหล่านี้จะเดินเกมส์ปราบปรามอย่างขมีขมัน นอกจากการปลุกคำชี้แจงซ้ำซากมาประชาสัมพันธ์วันเว้นวัน

จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า  รายชื่อผู้ขายที่เกี่ยวพันหุ้น MOREในวันเกิดเหตุที่ 10 พฤศจิกายน 2565  มีรายใหญ่ราว 21-24 ราย และ ปปง.สั่งอายัดรายการจ่ายเงิน อายัดบัญชีเงินสดไว้แล้วในบางราย วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็น ธุรกรรมการเงินจากการขายหุ้น MORE ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ASL ตัวละครสำคัญในที่ปรากฎเครือข่าย ปิงปอง-อภิมุข บำรุงวงศ์ ที่ปรากฎเป็นข่าวถูกอายัดบัญชี ประกอบด้วย  สามารถ ฉั่วศิริพัฒน,ศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล,วสันต์ จาวลา,อธิพัธร พรประภา, เอกภัทร พรประภา, อรพินธุ์ พรประภา

วอน ก.ล.ต. ภายใต้อำนาจกฎหมาย สินทรัพย์ดิจิทัล และกฎหมายหลักทรัพย์ ดูแลอย่าให้ตลาดทุนบ้านเราเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่นักลงทุนรายย่อยอีกเลย มีเครื่อง AI อะไรซ่อนอยู่ สามารถใช้ในการดูการกระจุกของขาปั่นหุ้นทั้งหลายก็นำมาเปิดเผยอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะช่วยเปิดเครื่องมือชี้วัดมาตรการ แคลชบาลานซ์แบบเรียลไทม์เสียที คนบ่นอุบ… โทรถามเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ ตอบกันได้บ้างไม่ได้บ้างแบบเสียงในลำคอ  เพราะไม่มีเครื่องมือชี้วัดอย่างเปิดเผยสาธารณะ ไหนๆ…วันนี้เข้าสู่สังคมยุคโลกดิจิทัลแล้ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ จะเป็นพระคุณของนักลงทุนทั่วประเทศ

หาก ก.ล.ต. ปล่อยตลาดเติบโตอย่างธรรมชาติ ให้เอกชนเติบโตกันเอง คนจะถามเอาว่า ก.ล.ต. มีไว้ทำไม ส่งเสริมระบบนิเวศการลงทุนตรงไหน  จะเป็นเรื่องเป็นราวเสียชื่อเสียงผู้หลักผู้ใหญ่ เกิดหลุดจากตำแหน่ง ปีหน้าไม่ได้ต่อวาระ จะตกงานเอาน่ะท่าน

ผลเสียจะตามมาอีกมาก…หากนักลงทุนหนีไปตลาดต่างประเทศซึ่งรุกคืบทุกทาง บริการอย่างเข้าใจง่าย ตัดภาพย้อนมองกระดานเทรดคริปโตฯ บ้านเรายังไม่ถูกส่งเสริมให้ขยายตัวรุกต่างชาติเท่าที่ควร ส่วนวงการหุ้นก็เป็นไปตามความน่าสงสัย ตามที่  สุนันท์ ศรีจันทรา สวดคาถามาหลายปี แต่ก็ยังปราบมิจฉาชีพแฝงตลาดไม่สิ้นซาก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts