เวลา 11.00 น. ที่ 26 ธ.ค.ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายสีละ จะนู ทนายความรับมอบอำนาจจาก 1.นางนาวะ เลาวู 2.นายอนุวัตร จะนู 3.นายวันชัย เพชรรัตน์อุดม 4.นางส่วย จะส่วย ซึ่งเป็น ชนชาติพันธุ์ลาหู่ หรือ มูเซอร์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สถาปน์ ปัญญาพยัคฆ์ สว.สอบสวน กก.4 บก.ป.ยื่นหนังสือ ร้อง ผบช.ก. รับโอนคดีที่ 1288/2565 สภ.ฝาง ภ.จว.เชียงใหม่ มาให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มาทำคดีแทน เนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 1 นายกฤษณะ (ไม่ทราบนามสกุล) กับพวกรวม 7 คน เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับพนักงานสอบสวน มีการดำเนินการที่ล่าช้า อีกทั้งการสอบสวนผู้เสียหาย มองว่าพนักงานสอบสวนเข้าข้างผู้ต้องหาทั้ง 7 คน มีการสอบสวนที่ไม่เป็นธรรม ประกอบกับคดีนี้อาวุธที่ใช้ฟันศรีษะ เป็นดาบซามูไร เป็นคดีสะเทือนขวัญ กระทบต่อจิตใจ ของผู้คนในชุมชนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรง
ทนายสีละ เปิดเผยว่า คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 65 เวลา 00.40 น. ผู้เสียหายประกอบด้วย 1.เด็กชายกิตติศักดิ์ เลาวู อายุ 12 ปี 2.เด็กชายธวัชชัย จะนู อายุ 12 ปี 3.เด็กชายธนนรินทร์ เพชรรัตน์อุดม อายุ 12 ปี 4.เด็กชายศุภณัฐ จะส่วย อายุ 12 ปี 5.เด็กชายธวัชชัย จะนู อายุ 13 ปี บุตรของผู้กล่าวหา ได้ขับรถจักรยานยนต์กลับจากงานวัดนันทราม อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 7 คนทราบเพียงคนเดียว คือนายกฤษณะ ไม่ทราบนามสกุล ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 5 คัน ไล่ทำร้ายตั้งแต่บนท้องถนนบริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น บ้านสันทราย อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ไปจนถึงบ้านสองแควบริเวณถนนร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างร้านกำไลทอง
นายกฤษณะ กับพวกได้ใช้เท้าทีบรถจักรยานยนต์และใช้มีดดาบซามูไรฟันบริเวณศรีษะของเด็กชายกิตติศักดิ์ เลาวู จนรถล้มลงข้างถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และรถจักรยานยนต์เกิดความเสียหายโดยบุตรของผู้ร้องทุกข์ทั้งหมดนั่งซ้อนท้ายซึ่งมีเด็กชายธนนรินทร์ เพชรัตน์อุดม เป็นผู้ขับขี่ โดยมีเด็กชายธวัชชัย จะนู เป็นผู้ช้อนคนที่ 2 มีเด็กชายศุภณัฐ จะส่วย และ คนสุดท้ายคือเด็กชายกิตติศักดิ์ เลาวู เป็นคนสุดท้าย
คดีผ่านมา 6 เดือน ไม่มีความคืบหน้า ด.ช.กิติศักดิ์ เลาวู มีอาการโคม่า นอนเป็นเจ้าชายนิทรา รักษาตัวอยู่ใน พร.จนบัดนี้ จึงต้องมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้พนักงานสอบสวนจับกุมตัว และดำเนินคดีกับ นายกฤษณะ กับพวกพวกที่หลบหนี รวม 7 คนมาดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสและได้รับบาดเจ็บ, พาอวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือข้อหาอื่นๆจนกว่าคดีถึงที่สุด”
ทนายสีละ กล่าวเพิ่มเติม ผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับ พนักงานสอบสวน มีการดำเนินการที่ล่าช้าไม่เป็นกลางไม่เป็นธรรมเข้าข้างผู้ต้องหาและเรียกญาติผู้เสียหายมาเจรจาค่าเสียหายเพื่อต้องการให้จบคดี
โดยวันนี้ได้นำหลักฐานสำคัญทั้งภาพและคลิปขณะเกิดเหตุมามอบให้ตำรวจกองปราบฯ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและรวบรวมหลักฐานเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป
