“…ก.ล.ต.ตื่นแล้ว… e-learning “ก.ล.ต. Crypto Academy” แต่เอกชนทำแซงนานแล้ว.. 4 คอร์สหลัก เปลืองเงินภาษี เพราะความล้าหลังหรือไม่? ย้อนแย้งผลงานบอนไซเอกชนไทย ปล่อยของเถื่อนระบาดหรือไม่? ตราบใดที่ผลงาน ก.ล.ต. ยังได้แค่มุ่งหน้าปรับกระดานเทรดเอกชนไทย โดยที่ยังไม่มีผู้ร้องความเสียหายสักบาทเดียว แต่งานด้านการปราบปราม หรือควบคุมกระดานเทรดต่างชาติที่รุกไทยอย่างหนักหน่วง ทำไม ก.ล.ต. หลับตาข้างเดียว จะอ้างไม่รู้ไม่ชี้ตลอดไป ก็เท่ากับทำให้ภาพในหัวของผู้คน มีคำถามถึง… ความล้มเหลวในการทำงานของเลขาฯ ก.ล.ต. จะเอาอย่างนี้กันจริงๆ หรือ… ประเทศไทย มี ก.ล.ต. ที่ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยต่อกระเทรดต่างชาติได้ คนไทยมืดมิด ไม่รู้เลยว่าสินทรัพย์ของตนเองในกระดานต่างชาติจะสูญหายไปเมื่อไหร่ …. หัวขาว หัวดำ ตาน้ำข้าว ตัวไหนจ้องจะโกงอยู่บ้าง…”
เพิ่งตื่นหรือไง …ก.ล.ต. มาเปิดตัวหลักสูตรเรียนรู้ออนไลน์ e-learning “ก.ล.ต. Crypto Academy” แหล่งความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่ประชาชนและผู้สนใจ ได้รู้ลึก ลดเสี่ยง เรียนสนุก ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเปิดห้องเรียนในเดือน มกราคม 2566
อ้างเหตุผลสร้างผลงาน ต่อยอดตำแหน่งแห่งหนว่า.. “ก.ล.ต. Crypto Academy” หลักสูตรเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน ความเข้าใจถึงความเสี่ยงในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงสร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันภัยกลโกงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อมอบเป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน
“ก.ล.ต. Crypto Academy” เป็นหลักสูตรเรียนรู้ออนไลน์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่ง ก.ล.ต. ได้จัดทำขึ้นและออกแบบเนื้อหา โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านสื่อความรู้ในหลายรูปแบบ เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้พื้นฐานแก่นักลงทุนในการเตรียมตัวก่อนก้าวสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัล และมีเนื้อหาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ รวมทั้งความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการประเมินตนเองก่อนเข้าลงทุน
ทั้งที่ ก.ล.ต. เองเป็นนักบอนไซวงการตัวจริงตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา บริหารจัดการวงการคริปโตฯ จนเสื่อมเสียชื่อเสียง งานที่กระดานเทรด Zipmex พ่นพิษใส่นักลงทุน ผิดกฎหมาย ข้อที่ว่า “บริษัทห้ามนำทรัพย์สินของลูกค้าไปหาดอกผล และต้องเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัย”
โดยโปรแกรม ZipUp+ ฝากเงิน ล็อคเหรียญ คือตัวอย่างความเสียหาย พฤติการณ์ของ Zipmex นำทรัพย์สินที่นักลงทุนฝากไปลงทุนต่างประเทศ จนพังกันทั้งกระดานเมื่อกลางปี 2565 มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้าน ก.ล.ต. หรือ ท่านเลขารื่นวดี สุวรรณมงคล ส่อทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้กดดัน อย่างเอาเป็นเอาตาย ปรับเงินก็เพียงแค่เล็กน้อย สวนทางกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ความเหยาะแหยะหละหลวมนี้ทำให้ Zipmex กล้าที่จะแอบจ่ายเงินให้นักลงทุนอินโดนีเซียก่อน จนโดนศาลสิงคโปร์ด่า เพราะไม่แฟร์กับผู้เสียหายทั่วโลก
ทำไม ท่านเลขา รื่นวดี สุวรรณมงคล ถึงปล่อยให้ ก.ล.ต. ไทย ถูกเหยียดหยามเกียรติ..?
เหตุใดเหรียญของกระดานเทรดแพลตฟอร์มที่ส่อใกล้ล่มสลาย ยังไม่ถูกถอดถอน แม้แต่การตั้งข้อหาปรับหนักก็ไม่เกิดขึ้น ถ้าใช้ข้ออ้างล้มละลายแล้วไม่ถูก ก.ล.ต. ดำเนินการขั้นเด็ดขาด หรือ ก.ล.ต. จ้องจะปรับเอกชนที่มีเงิน ทั้งที่ไม่ได้สร้างความฉิบหายให้แก่ประชาชนเท่านั้น
ตัวเหรียญ ZMT เหรียญของกระดานเทรด Zipmex ควรจะถูกตั้งคำถาม ในเรื่องคุณสมบัติการพิจารณาคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ว่าปัจจุบันเหรียญ ZMT ยังมีคุณสมบัติพอที่จะเทรดอยู่ในกระดานเทรดของ Zipmex อีกต่อไปหรือไม่ ก.ล.ต. ก็ควรไปดูข้อมูล ซึ่งบอกอยู่ชัดเจนบนเว็บไซต์ของ Zipmex เองว่า การลงทุนที่ผิดพลาด (misuse of funds) เป็นสาเหตุหนึ่งที่เหรียญจะต้องถูกถอดออกจากกระดานเทรด (De-list)
แล้วสิ่งที่ ก.ล.ต. พบว่า ข้อตกลงส่วนบุคคลฉบับใหม่ Zipmex เกี่ยวกับข้อตกลงส่วนบุคคลภายใต้โครงการ ZipUp+ ของกลุ่มบริษัทซิปเม็กซ์ บนเว็บไซต์ของ Zipmex ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่เป็นเจ้าหนี้คนไทยยังขาดความชัดเจนในหลายประเด็น อาทิ เงื่อนไขการมีผลใช้บังคับของข้อตกลงส่วนบุคคล ขอบเขตหรือสิทธิเรียกร้องใดๆ ทั้งหมดของลูกค้าที่เป็นเจ้าหนี้ และการกำหนดให้ลูกค้ายินยอมชดใช้ในความเสียหาย ก.ล.ต. เห็นแล้วจึงมีหนังสือแจ้งข้อสังเกตข้างต้น และให้ Zipmex นำข้อสังเกตข้างต้นไปดำเนินการ โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกันโดยเร็ว รวมทั้งให้ Zipmex รายงานผลการดำเนินการดังกล่าวต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 3 มกราคม 2566 เวลา 16.30 น.
วันนี้ตามหนังสือชี้แจงมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกดดันไปถึงไหนแล้ว หน่วยงานทั้งหน่วยงานนำโดย เลขา ใกล้หมดวาระ คนเก่ง ช่วยกดดัน Zipmex ให้มีความชัดเจน เหมือน คุณชูวิทย์ ตามคดี ตู้ห่าว หน่อยสิครับ เพราะมีประโยชน์กับสังคมส่วนรวมไม่ต่างกัน
ย้อนมาชมหลักสูตร ก.ล.ต. “ก.ล.ต. Crypto Academy” ได้เล่ารายละเอียดว่า ประกอบด้วย 4 คอร์สหลัก ได้แก่
(1) บทเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ ปูความรู้พื้นฐาน และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโลกสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม
ข้อนี้เอกชนและอินฟูฯ ไทยเขาทำกันไปล่วงหน้า ก.ล.ต. สมควรเอาค่าเหนื่อยไปจ่ายสนับสนุนคนเหล่านั้น โดยตัดงบของโครงการนี้ก็ยังได้ เพราะหน่วยงานทั้งหน่วยเพิ่งจะตื่นกัน
(2) องค์ประกอบและเทคโนโลยีพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัล เรียนรู้ความเป็นมาและกลไกที่มีความสำคัญต่อระบบบล็อกเชน
ส่วนความรู้เทคโนโลยีพื้นฐานเหล่านี้ ถามจริงๆ ว่า ผู้เชี่ยวชาญที่มากกว่า ก.ล.ต. ก็ล้วนแล้วเกิดขึ้นในมือเอกชน เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้บุกเบิกนำองค์ความรู้เข้ามาล่วงหน้า ก.ล.ต.
เผลอๆ ผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงในเอกชนก็โดนพวกธนาคารหรือหน่วยงานบางหน่วย ชิงซื้อตัวจากเอกชนเก่งๆ ไปทั้งนั้น
(3) อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีตและจุดเปลี่ยนสำคัญในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล โทเคนดิจิทัล NFT Metaverse และมุมมองต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ในข้อนี้จะเอาอะไรมาบอกเล่าในเมื่อผลงานโบว์ดำ ก.ล.ต. มีแต่ไล่บี้จน NFT ไทยย่อยยับ นักลงทุนต้องหนีเข้าแพลตฟอร์มต่างประเทศกันหมดสิ้น หากย้อนไปดูข่าวเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ได้ทำหมันห้ามซื้อขายโทเค็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. Meme Token 2. Fan Token 3. NFT 4. Utility Token
อาจจะเพราะความไม่รู้.. ไม่ก้าวหน้า.. พาลกลัวไว้ก่อน แต่เรื่องที่สมควรกลัวไม่ขยับ
และ (4) ทัศนคติและกลยุทธ์ในการลงทุน เสริมสร้างกรอบความคิดและทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และแนะนำการใช้เครื่องมือพื้นฐานในการวิเคราะห์กราฟ รวมทั้งจบหลักสูตรด้วยแบบทดสอบความรู้ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Quotient หรือ CQ) เพื่อสำรวจตนเองว่ามีความพร้อมในการก้าวเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลมากน้อยเพียงใด
ส่วนข้อสุดท้ายในหลักสูตรนี้ถูกปิดประตูไปแล้ว เพราะแทนที่นักลงทุนจะแห่กันมาใช้แพลตฟอร์มไทย ซื้อสินทรัพย์- Token-NFT บนกระดานไทย การเปิดหลักสูตรแนะนำการใช้เครื่องมือพื้นฐานในการวิเคราะห์กราฟ ก็ไม่ต่างจากการเอื้อให้คนเข้าสู่แพลตฟอร์มเถื่อน ที่ไม่อยู่ภายใต้กรอบของ ก.ล.ต. ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมานั่งวิเคราะห์เชิงเทคนิคแล้ว เพราะความเสี่ยงที่ใหญ่กว่านั้นคือ คนไทยจะเสี่ยงตกอยู่ในเงื้อมมือแพลตฟอร์มเถื่อนต่างชาติ ที่ไร้การควบคุม…เช่นเดียวกับกรณี FTX ที่ทำให้นักลงทุนไทยจำนวนมากได้รับความเสียหาย ก.ล.ต. ก็น่าจะทราบดี คำถามคือ ที่ผ่านมา ก.ล.ต. เคยมีมาตรการที่จริงจัง จัดการกระดานเทรดเถื่อนเหล่านี้บ้างหรือไม่ ทั้งที่ตัวเลขชี้ชัดว่า ประเทศไทยมีนักลงทุนเสียหาย อยู่อันดับที่ 13 เกือบ 130,000 คนต่อเดือน “ซ้ำ” แผลเดิมของวงการคริปโตเคอร์เรนซีที่ยังไม่หายดีจากเคส Terra LUNA และ UST
ถามจริงๆ สังคมไทย จะปล่อยสังคมวงการ คริปโตฯ ถูกควบคุมโดยหน่วยงาน ที่มีเลขาฯ คนเก่ง ขยันทำงานแต่ผลงานออกมาคนละเรื่อง…. สังคมไทยคงได้แต่กร่นถามกันว่า ..ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง …. กระดานเทรดเถื่อนต่างชาติบุกคนไทยไร้การควบคุมคือเครื่องหมายกาหัวที่ดีที่สุด ถ้าจะให้นึกถึงผลงานการกำกับดูแล
อลัน กรีนสแปน ประธานผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 5 สมัยนับจากปี 1987-2006 โดยได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ 4 คน ได้ตอกย้ำว่า การล่มสลายของ FTX เป็นเรื่องการโกงล้วนๆ มากกว่าที่จะเป็นผลจากคุณสมบัติบางอย่างในคริปโตฯ เอง การขาดการบริหารความเสี่ยง หรือกระบวนการทางบัญชีที่ไม่เหมาะสม และเชื่อว่า กรณีนี้จะไม่ส่งผลลุกลามไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากสินทรัพย์ดิจิทัล
กรีนสแปนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคริปโตฯ และการล่มสลายของกระดานเทรดคริปโต FTX ระหว่างการให้สัมภาษณ์ส่งท้ายปี 2022 ที่บริษัทจัดการสินทรัพย์ แอดไวเซอร์ส แคปิตอล แมเนจเมนต์นำออกเผยแพร่เมื่อต้นปี 2023 เขาร่วมงานกับแอดไวเซอร์ส แคปิตอล แมเนจเมนต์ในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เขาย้ำว่า โกงล้วนๆ
ความคิดเห็นของกรีนสแปนตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการแก้ต่างของแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้ง FTX ที่ปฏิเสธว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดในกรณีการล้มละลายช็อกวงการ ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า เขาโกงเงินลูกค้าไปเป็นพันล้านดอลลาร์
ตราบใดที่ผลงาน ก.ล.ต. ยังได้แค่มุ่งหน้าปรับกระดานเทรดเอกชนไทย โดยที่ยังไม่มีผู้ร้องความเสียหายสักบาทเดียว แต่งานด้านการปราบปราม หรือควบคุมกระดานเทรดต่างชาติที่รุกไทยอย่าหนักหน่วง โดย ก.ล.ต. หลับตาข้างเดียว จะอ้างไม่รู้ไม่ชี้ตลอดไป ก็เท่ากับทำให้ภาพในหัวของผู้คน ปรากฎชัด ถึงบทสะท้อน ความล้มเหลวในการทำงานของ “เลขาฯ ก.ล.ต.”
จะเอาอย่างนี้กันจริงๆ หรือ… ประเทศไทย มี ก.ล.ต. ที่ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยในสินทรัพย์ในกระเทรดต่างชาติ คนไทยมืดมิด ไม่รู้เลยว่าสินทรัพย์ของตนเองในกระดานต่างชาติจะสูญหายไปเมื่อไหร่ …. หัวขาว หัวดำ ตาน้ำข้าว ตัวไหนจ้องจะโกงอยู่บ้าง…!?!
#สืบจากข่าว : รายงาน