นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ออกมาตั้งคำถามถึงการขายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยว่าทำไมกัญชาขายได้เเต่บุหรี่ไฟฟ้าขายไม่ได้ในประเทศไทย โดยนายชัยวุฒิ ระบุว่า การขายบุหรี่ไฟฟ้าทั้งออนไลน์และการวางขายทั่วไปนั้น ต้องใช้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ ในการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วก็จับกุมผู้ที่ทําผิดกฎหมายแล้วก็ส่งข้อมูลมาทํางานร่วมกับกระทรวง DES ในการขอปิดกั้น ซึ่งอันนี้เราก็ทํามาโดยตลอดแต่ก็ต้องยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้า มันเป็นวิถีชีวิตของประชาชนกลุ่มหนึ่ง และในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น ในยุโรปในอเมริกา หรือแม้แต่ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเพื่อนบ้านเช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็มีหลายประเทศที่เขาถูกกฎหมาย เขาก็สามารถบริโภคได้ แล้วก็พอมันฝืนวิถีชีวิตประชาชน มันก็เกิดการลักลอบใช้ ลักลอบขาย ช่องทางทําให้เกิดธุรกิจผิดกฎหมาย เกิดส่วย เกิดการเรียกรับผลประโยชน์ เกิดการขายกันอย่างทั่วไป ไม่ใช่ออนไลน์เดียว ตามตลาดก็ขายกันทั่วไปหมด ผมคิดว่าดัดจริต ผมว่าน่าจะเลิกได้แล้วนะ อย่าพูดว่าห้าม พูดตรงๆ ก็คงต้องแก้ปัญหากันต่อไป ผมคิดว่าหัวใจสําคัญคือเราต้องทําเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมาย ถ้าเราคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นวิถีชีวิตประชาชนเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นสิ่งที่คนยอมรับได้ เราก็ควรจะทําให้ถูกกฎหมาย แล้วก็ให้มีการขายแล้วก็เก็บภาษีให้ถูกต้องเพื่อเอาภาษีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในเรื่องอื่นลดภาระประชาชน ถ้าเราทําให้ถูกกฎหมาย ไม่ทํากฎหมายที่ขัดกับวิถีชีวิตประชาชน มันจะแก้ปัญหาเรื่องส่วย แก้ปัญหาเรื่องการคอร์รัปชัน เพราะเราจะเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เอาภาษีมาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนในเรื่องอื่นได้อีก ลดภาระประชาชนได้เยอะ เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าผมพูดมานานแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าผมเห็นด้วยที่ทําให้ถูกกฎหมาย แต่ว่าด้วยอํานาจ ด้วยหน้าที่เราอาจจะทําได้ไม่เต็มที่ แต่ผมจะผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลมีอํานาจหน้าที่เข้ามาทําต่อ เราจะแก้ปัญหานี้ด้วยการผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายเป็นการลดภาระประเทศ เก็บภาษีให้ถูกต้อง ขจัดระบบส่วย สังคมปลอดคอรัปชั่น ที่สําคัญประเทศที่เจริญแล้ว ประเทศที่พัฒนาแล้วเกือบทุกประเทศได้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพราะฉะนั้นประเทศไทยเราควรจะ พิจารณาตามความเหมาะสม อย่าฟังเพียงคนบางกลุ่ม แล้วก็ดัดจริต ทำไม่ได้ แต่ก็พยายามฝืน พยายามไปฝืนธรรมชาติ สุดท้ายเราต้อง ทำให้ถูกกฏหมาย เพื่อต่อต้านคอรัปชั่น ครับ ทั้งนี้ยังกล่าวถึงการปิดแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ว่า ซึ่งอันนี้มีความผิดแล้วอาจจะมีเรื่องอื่น เช่น เกี่ยวกับการพนันหรือไม่ การขายหวยที่ไม่มีหวยหรือว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้ก็มีการดําเนินการปิดเว็บไปแล้ว ทั้งหมด 12 เว็บไซต์ ก็เหลืออยู่บางเว็บที่ยังปิดไม่ได้ เพราะว่าเขาก็มีการคัดค้าน เจ้าของเว็บไซต์ เขามาคัดค้านแล้วเราก็อยู่ระหว่างรอคําสั่งศาล ศาลก็คงจะไต่สวนแล้วก็มีคําสั่งเร็วๆ นี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เราพยายามดําเนินการอยู่ แต่ว่าหัวใจสําคัญก็คงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตํารวจหรือว่าดีเอสไอก็คงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในเรื่องอื่นด้วยเพราะว่า การปิดแค่เรื่องกองฉลากกินแบ่งก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ว่ามันอาจจะมีเรื่องฟอกเงิน หรือเรื่องที่มีความเสียหายหรือความผิดรุนแรงกว่านั้น เจ้าหน้าที่ก็เลยเลือกที่ต้องติดตามกันต่อไป