นักธุรกิจรายนี้ Mr.prince ชาวอินเดีย และ Mr.kaushik himanshu ผู้เสียหาย ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนผ่านล่ามแปลภาษาว่า ตนเองได้เข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับ สถานบันเทิงย่านวอล์คกิ้ง สตรีท และธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับนายนาวิน และนายอาทิต ชาวอินเดีย เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ระหว่างเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดต้องเดินทางกลับประเทศ เลยถูกหุ้นส่วนแอบถอนชื่อออกจากบริษัทโดยไม่รู้ตัว ถูกโกงเงินที่ลงทุนไปเกือบ 200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างฟ้องร้องกันในชั้นศาล
นอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในวอล์คกิ้ง สตรีทที่ลงทุนร่วมกันก็เกิดเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด นายนาวิน อ้างว่าตัวเองขาดส่งเงินประกันภัย จึงไม่ได้เงินประกันภัยจากบริษัทกว่า 100 ล้านบาท และที่รู้สึกสงสัยทำไมขณะนี้สถานบันเทิงกล่าว กำลังมีการปรับปรุงเป็นห้องพัก ทั้งที่เป็นพื้นที่โซนพิเศษห้ามก่อสร้าง จึงตั้งข้อสังเกตุว่าเอาเงินมาจากบริษัทประกันภัยหรือไม่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะนายนาวิน เป็นผู้มีอิทธิพลในพัทยา
ผู้เสียหายยังเล่าอีกว่าเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ตนเองถูกการ์ดของสถานบันเทิง ลูกน้องของหุ้นส่วนธุรกิจทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ หลังเดินไปทานอาหารย่านวอล์คกิ้ง สตรีท ถูกขับรถเฉี่ยวชน ซึ่งคนในรถไม่ใช่ใครที่ไหนคือนายนาวิน เมื่อพยายามเคาะกระจกสอบถาม จึงถูกการ์ดวิ่งมารุมทำร้าย จนเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจึงเข้าแจ้งความ
ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ระบุว่าสถานบันเทิงดังกล่าวที่ถูกไฟไหม้ ล่าสุดเมืองพัทยาได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองพัทยาไม่ให้มีการต่อเติมแล้ว หากฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ขณะที่ข้อมูลของตำรวจท่องเที่ยวพบว่าปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ในเมืองพัทยา ซึ่งส่วนใหญ่ มาเป็นลักษณะนักท่องเที่ยว และทำธุรกิจร้านอาหารสถานบันเทิง ย่านพัทยาใต้
