15.30 น. วันที่ 30 มี.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. น.ส.วิภาวี บุญภา หรือ แบม ไมค์ทองคำ อายุ 22 ปี ศิลปินนักร้อง และ น.ส. รวิสรา บุญภา หรือ บีม อายุ 25 ปี สองพี่น้อง เดินทางเข้าพบ พงส. กก.1 บก.ปคบ. แจ้งความกรณีถูกฉ้อโกง และ หมิ่นประมาท
น้องแบม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 18 มี.ค. บีม พี่สาวได้ใช้แอคเคาท์บัญชีของคุณแม่ สั่งซื้อแชมพูสระผมยี่ห้อหนึ่ง ราคา 285 บาท จากร้านชื่อ sunday.sskin ผ่านแพลตฟอร์ม “ลาซาด้า” โดยเรียกเก็บเงินปลายทาง เมื่อสินค้ามาส่ง จ่ายเงินเรียบร้อยแต่เปิดกล่องออกมากลับเป็นโลชั่นถูกๆ มาแทน
คิดว่าเขาน่าจะส่งผิด จึงเข้าไปแจ้งผ่านแชตของร้านค้าว่าส่งสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ แต่ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมาเลย จึงตัดสินใจขอคืนสินค้า ทางร้านปฏิเสธรับคืน ทำให้เรารู้สึกว่าน่าจะถูกโกงเพราะสำรวจในร้านค้านั้นดูแล้วไม่พบโลชั่นที่ส่งมาให้เลย
ตนจึงติดต่อไปทางเจ้าของผลิตภัณฑ์แชมพูยี่ห้อดังกล่าว ได้รับคำตอบว่าสินค้าเขาไม่มีตัวแทนจำหน่ายในลาซาด้าเลย น่าจะเป็นการแอบอ้างสินค้าเขามาขายมากกว่า
ตนจึงแชตสอบถามไปทางร้านว่า อันนี้เป็นการโกงลูกค้าใช่หรือไม่ เพราะตั้งใจปฏิเสธไม่ยอมรับคืนสินค้าที่ส่งผิด
แต่ปรากฎว่าทางแม่ค้าร้านนี้แชตตอบกลับมาเป็นคำหยาบคาย ครั้งแรกคงคิดว่าคุณแม่ตนเป็นคนสั่งซื้อจึงด่าในลักษณะด่าคนแก่ พอแชตคุยโต้ตอบไปสักพักเขาคงรู้ว่าไม่น่าจะเป็นคุณแม่เข้ามาต่อว่าขอคืนสินค้า ก่อนจะไปสืบค้นจากโซเชียล จนเขาไปเจอบัญชีเฟซบุ๊กของคุณแม่ก่อนจะไปค้นเอาข้อมูลของตนในเฟซบุ๊กคุณแม่มาโต้ตอบกลับด้วยข้อความที่ไม่สุภาพ หยาบคาย เช่น
“มีปัญญาก็กดคืนแต่ไม่แหกตาดูที่อื่น มึงไม่คืนก็ไม่ต้องเอาเงินคืนอีแบม”
“ปัญญาอ่อน สงสัยตกรอบบ่อยจนบ้า ดูก็รู้ทรงนี้ไม่น่าจะรอด”
ก่อนจะแคปเอารูปครอบครัวตนส่งมาให้ดูในแชตด้วย ทำให้เราไม่รู้สึกโอเค.กับแม่ค้าร้านนี้
จึงติดต่อสอบถามลาซาด้า แจ้งว่าไม่มีร้านนี้ปลิวหายไปแล้ว
สอบถามทางเจ้าของผลิตภัณฑ์แชมพูก็บอกไม่ใช่ตัวแทนจำหน่าย
ตรวจสอบชื่อคนที่โอนเงินชำระค่าแชมพูก็พบว่ามีชื่อติดแบล็คลิสต์เตือนคนโกงด้วย
ตนจึงเอาเรื่องทั้งหมดไปทวีตเตอร์เพื่อปรึกษาแชร์ประสบการณ์และขอคำแนะนำจากคนในโซเชียลมีคนเข้ามาให้กำลังใจและคำแนะนำจำนวนมากมาย ให้ตนเอาผิดผู้ค้ารายนี้ให้ถึงที่สุด
“เรารับไม่ได้กับมิจฉาชีพรายนี้ แม้ลาซาด้าจะมาขอโทษตน และยินดีคืนเงินเป็นว้อยเชอร์มาให้ตามจำนวนเงินสินค้าก็ตาม ตลอดจนเจ้าของผลิตภัณฑ์แชมพูเองก็มาขอโทษด้วยทั้งที่ไม่ผิดแถมส่งแชมพูมาให้ใช้ด้วย คนขายขี้โกงแบบนี้เราจะต้องเอาเรื่องฟ้องร้องให้ถึงที่สุด”
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อมูลที่ผู้เสียหายนำมามอบพบว่ายังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะรับดำเนินคดี
แนะนำให้ไปแจ้งความท้องที่เกิดเหตุที่มีอำนาจการสอบสวนในเรื่องการฉ้อโกง ส่วนหมิ่นประมาทจะต้องพิจารณาว่าเป็นข้อกฎหมายหรือไม่เนื่องจากเป็นการแชตเจรจาสื่อสารกันสองคนระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
น้องแบมกับบีม สองพี่น้องจึงเดินทางไปแจ้งความ สน.พหลโยธินทันที โดยบอกว่าคดีนี้ได้ปรึกษาทนายความมาแล้ว ว่าน่าจะเข้าข่ายความผิดฉ้อโกง และไม่อยากจะปล่อยให้คนโกงลอยนวลไปหลอกคนอื่นอีก เรื่องนี้ตนจะไม่หยุด จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด