เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เข้าพบ พงส.บก.ป. แจ้งว่าตนได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับกลุ่มขบวนการ ร่วมกันลักทรัพย์รถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน, ร่วมกันรับของโจร, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ) โดยนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หนังสือมอบอำนาจ จาก ผู้กำกับโจ้ ใบแต่งตั้งทนายความ และเอกสารแชทไลน์ รายงานลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.ตลิ่งชัน มามอบให้ พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่าคดีนี้ สืบเนื่องจากที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้ ได้ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคลองเปรม วันที่ 4 กันยายน 2564 ในคดีที่เคยตกเป็นข่าวโด่งดังก่อนหน้านี้ ต่อมา ผกก.โจ้ ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ จูน น้องสาว แต่งตั้งให้นายณัฐ เป็นทนายความ ต่อมานายณัฐ ได้ทำการหลอกลวง นำหนังสือมอบอำนาจของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ไปหลอกลวง จูนน้องสาว ผกก.โจ้ ให้เซ็นสัญญาซื้อขายรถยนต์ โดยให้ลงลายมือชื่อ แต่ไม่ระบุข้อความใด ๆ และได้ให้เซ็นชื่อสำเนาบัตรประชาชน ระบุว่า ใช้เฉพาะซื้อขายโอนรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์
ต่อมา จูนน้องสาว สามารถติดต่อ ผกก.โจ้ ได้ จึงทราบความจริงว่าถูกหลอก และได้ทวงถามเอกสารคืนจาก ทนายความของ ผกก.โจ้ อีกคน ที่ดูแลคดีหลักให้ จากนั้น จูนน้องสาว ผกก.โจ้ ได้ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สน.ตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565
ทั้งนี้ จูนน้องสาว ผกก. โจ้ ได้รับหนังสือชี้แจง จากนายณัฐ ผ่านทางแอพลิเคชั่นไลน์ ว่า ได้ส่งให้ นายตำรวจยศ ร.ต.อ. ไปหมดแล้ว และนายณัฐ ได้นำแชทไลน์ที่ได้คุยกับ ร.ต.อ. ส่งให้ จูนน้องสาว ผกก.โจ้ ทราบ ว่า ร.ต.อ. คนดังกล่าว ได้ใช้โอนรถไปหมดแล้ว
ต่อมาได้มีการนำรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ พร้อมป้ายทะเบียน โดยปลอมลายมือชื่อ และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ โดยทำกันเป็นขบวนการที่มีเจ้าหน้าที่บริษัท ลิสซิ่ง ทำการขอโอนและรับโอน รถยนต์ทั้งสิ้นรวม 13 คัน โดยรถยนต์สูญหายไปจากสถานที่เก็บรักษาโดยที่ ผกก.โจ้ ไม่เคยอนุญาตหรือ มอบหมายให้บุคคลใดนํารถทั้ง 13 คัน ออกไปจากสถานที่เก็บรักษาทั้งสิ้น มูลค่ารวมกว่า 25 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ขบวนการดังกล่าวได้นำรถยนต์ของผู้กำกับโจ้ ไปทั้งสิ้นรวม 17 คัน แต่เมื่อ จูนน้องสาวของผู้กำกับโจ้ ทราบเรื่องว่าถูกหลอกให้ขายรถและทำหนังสือทวงถามไปที่ทนายความ กลุ่มขบวนการนี้ก็มีการนำรถมาคืนให้จำนวน 4 คันเท่านั้น