วันนี้ 11 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภาค2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภาค2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค2 พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 นายสุรเดช ละเต๊ะซัน ผอ.ฝ่ายอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ปปส.ภาค2 ได้ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการจับกุมชาวจีน-ไต้หวัน ลอบขนยาเสพไอซ์จากลาวผ่านประเทศไทย ส่งประเทศกัมพูชา
โดยสามารถจับกุมขบวนการชาวจีนไต้หวัน-ไทย ได้ทั้งหมด 4 คน ทราบชื่อคือ MR.HUANG KUN YOU อายุ 29 ปี MR.RIN ZHE WEL อายุ 25 ปี นายอัจตพร (ขอสวงนนามสกุล) อายุ 27 ปี และนายเสกสรร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี พร้อมด้วยของกลาง คีตามีน (ยาเค) น้ำหนักรวม 15 กิโลกรัม เครื่องแบบตำรวจของประเทศจีน และไต้หวัน โทรศัพท์มือถือ และ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
การจับกุมสืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีชาวจีนไต้หวัน ลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมาก มาที่บริเวณซอยวัดหัวเนิน ต.ลาดขวาง อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ตำรวจจึงสนธิกำลังร่วมกันไปดักซุ่มสังเกตการณ์ จนพบรถยนต์ลักษณะต้องสงสัยตามที่สายลับแจ้งมา ขับมาจอดริมถนนบริเวณจุดดังกล่าว ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบชาวจีนไต้หวัน เป็นผู้นั่งโดยสารมา โดยมีคนไทย 2 คน เป็นคนขับ และพบคีตามีน (ยาเค) น้ำหนักรวม 15 กิโลกรัม เครื่องแบบตำรวจประเทศจีน และประเทศไต้หวัน รวม 10 ชุด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง
สอบสวน ชาวจีนไต้หวัน ให้การรับสารภาพว่า เพื่อนตนเองที่อยู่ฝั่งประเทศลาว ได้จัดเตรียมกระเป๋าของกลางไว้ให้ แล้วให้พวกตนขนเดินทางนั่งทางเรือข้ามฝั่งจากประเทศข้ามแม่น้ำโขงมาประเทศไทย และมีรถมารับนำพามายังจุดหมาย เพื่อจะเปลี่ยนรถอีกคันเดินทางไปบริเวณบ้านพักผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยทำหน้าที่ขนยาเสพติดนำไปส่งที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน เมื่อไปถึงฝั่งกัมพูชา จะไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีฐานอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อหลอกลวงคนจีน และไต้หวัน ส่วนเครื่องแบบตำรวจ มีไว้เพื่อนำไปใส่หลอกหลวงเหยื่อกลุ่มคนจีน-ไต้หวัน
ตรวจสอบประวัติ ของชาวจีน-ไต้หวัน กับตำรวจสากล พบว่ามีหมายจับของประเทศไต้หวัน เกี่ยวกับข้อหา ฉ้อโกง และหลอกหลวง (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) ส่วนนายอัจตพร และนายเสกสรร รับว่าได้รับการว่าจ้างของชาวจีน-ไต้หวัน ไปส่งที่ชายแดนบ้านผัดกาด และไม่มึส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับยาเสพติด และพัวพันกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันนำพาต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” ส่วนชาวจีน-ไต้หวัน ได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท2 คีตามีน(ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.
