เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 พ.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในฐานะนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว
ในความผิดฐานนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมีความกังวลใจ เนื่องจากอาจทำให้กลไกตลาดมีความเสียหาย เกิดการระบาดของโรคระบาดอหิวาร์แอฟริกาในสุกร (AFS) ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตสุกรของประเทศไทย ความมั่นคงทางด้านอาหาร และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับสุขอนามัยของผู้บริโภคภายในประเทศ
กรมศุลกากรจึงได้เพิ่มมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทสุกรมีชีวิต เนื้อสุกรและเครื่องในสุกร โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเร่งรัดป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทสุกร เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ทำการสำรวจของค้างบัญชีเรืออยู่ในอารักขาของศุลกากรเกินกำหนดเวลา และได้ทำการสำรวจของค้างบัญชีเรืออยู่ในอารักขาของศุลกากรเกินกำหนดเวลา 30 วัน จึงได้ออกเอกสารบัญชีของค้างบัญชีเรือ โดยไม่มีใบขนสินค้าอันได้รับรองและไม่ได้เสียอากรหรีอวางเงินประกันค่าอากรที่พึงเรียก
เก็บแก่ของนั้น และได้แจ้งไปยังตัวแทนเรือและผู้รับตราส่งตามที่ระบุไว้ในบัญชีเรือ เพื่อให้มีการชำระอากรหรีอวาง ประกันค่าอากรภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เมื่อครบกำหนดระยะเวลาก็ไม่มีผู้ใดมาแสดงความเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้มีสิทธิ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จึงได้ออกเอกสารบัญชีของค้างบัญชีเรื่อ และแจ้งไปยังตัวแทนเรือ แต่ไม่
ปรากฏว่ามีผู้ใดมาแสดงความเป็นเจ้าของ และทำการเปิดสำรวจ พบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ ซึ่งเป็นของควบคุมการนำเข้าตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 จากการตรวจสอบพบว่าสินค้าดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ กรณีจึงเป็นการนำเข้าโดยฝ่าฝืน มาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 อันเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงข้อจำกัด ตามมาตรา 244 และเป็นของอันพึงต้องริบตามกฎหมายศุลกากร ตามมาตรา 166แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า เพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรภายในประเทศและ
ป้องกันโรคระบาดสู่ผู้บริโภค กรมศุลกากรจึงขอให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดรวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในฐานะนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว ในความผิดดังกล่าว เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป