“เลือกตั้งสกปรก”ในวันนี้..ยากจะได้“นักการเมือง”รักชาติรักประชาชนจริงว่ะ..! บทความวันเลือกตั้ง 2566 ผมจะไม่เขียนอะไรโง่เง่าเรื่อง“เลือกตั้ง” ให้เสียเวลาเปลืองหน้ากระดาษ เพราะยังไงก็ต้องไปลงคะแนนเลือกตั้ง ที่ไม่ได้เป็นดัง “คำขวัญอลังการ”ชนิด“หรูหราหมาเห่า” เพราะ“รัฐสภาฯ”แยก“บัตรสองใบ” เพื่อให้“เลือกพรรคที่ดี เลือกคนที่ใช่” “เลือกพรรคที่ดี”เพื่อได้“ส.ส.บัญชีรายชื่อ”! ส่วน“เลือกคนที่ใช่”เพื่อได้“ส.ส.เขต”!
เฮ้อ.. “ประชาชน” ยังไม่เคยเจอะเจอ “พรรคที่ดีจริง-คนที่ดีจริง” เลยนะโว้ย!.. เลือกตั้งทั่วไป “14 พฤษภาคม 2566” ผมตั้งใจนำเสนอ “คำคม” เตือนสติให้บรรดา “นักการเมืองใหม่เก่า” ที่จะได้ไปนั่งหน้าสลอนอยู่ในสภาฯ ว่า “ประชาชนเลือก” ให้ไปทำเรื่องดีๆ ให้กับชาติและประชาชน ไม่ใช่ให้ “พวกคุณ-พวกมึง” ใช้ “ตำแหน่ง-สภาฯ-ทำเนียบไทยคู่ฟ้า” ใช้ “อำนาจรัฐ” ปล้นชาติปล้นประชาชน เฉกเช่น “นักการเมือง-นายกฯ-รมต.บางคน” ทำชั่วดังในอดีตและปัจจุบันนะเว้ย..! รู้ไหม? “คนโกงชาติ” เหล่านั้น ถูก “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ผู้ทรงเปี่ยมพระเมตตา ทนไม่ไหวถึงกับแช่งว่า “..ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป ถ้าไม่ทุจริตและมีความตั้งใจในธรรม ขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี ถ้าอายุมากแล้วก็แข็งแรง แล้วสุจริต ประเทศไทยจะรอดพ้นอันตรายอย่างมาก
”พระบรมราโชวาท “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระราชทานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการ ณ วังไกลกังวล วันที่ 3 ตุลาคม 2547 “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงจริงจังอย่างยิ่งมาตลอด เรื่องของ “พวกทุจริตโกงชาติ” จนพระองค์ท่านต้องทรง “แช่ง” พวกทำลายชาติ! น่าเศร้า! ที่มหาเศรษฐี “ทักษิณ ชินวัตร” คนที่โชคดีได้เป็นถึง“นายกฯ”ประเทศไทย คนที่ประกาศ “รวยแล้วจะไม่โกงชาติ”
แต่ “ทักษิณ” ได้ “ตระบัดสัตย์” ดื้อๆโกงชาติจนถูก “กรรมจึงติดจรวดตามสนอง” ต้องหนีคุก หนีคดีเผ่นไปอยู่แดนอาหรับจนทุกวันนี้..แต่เรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่า! คือ “บิ๊กตู่” คนที่เป็น“หัวหน้าคณะรัฐประหาร”กับ “นายกฯ” นานเกือบ 9 ปี! ก็ดัน “ตระบัดสัตย์” ดื้อๆเช่นกัน “บิ๊กตู่” ได้ประกาศ “จะปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”! ทว่า..นอกจากจะ“ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”ครั้งแรก และกำลังจะเลือกตั้งครั้งที่สองในอีกไม่กี่วันนี้ ก็ยังไม่มีการปฏิรูปชาติแม้แต่น้อย! “บิ๊กตู่”ไม่ได้“แก้ต้นเหตุปัญหา”อันเลวร้าย แถมในรัฐบาลนี้ยังมีการ“โกงชาติ” ในโครงการใหญ่น้อยอีกด้วย! ฯลฯ เฮ้อ!.. เตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง! ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่สนใจ!
มาดู “คำคม” เป็น“ข้อคิดเตือนใจ” มีทั้งเรื่อง “พึงกระทำ” และ “ไม่ควรกระทำ” กัน.. เริ่มด้วย.. “ขงจื๊อ” พร่ำสอนจนปากเปียกปากแฉะว่า “รู้คนอื่นนั้น ฉลาด รู้ตนเองนั้น เป็นอัจฉริยะ ชนะผู้อื่น คือผู้เข้มแข็ง ชนะตนเอง คือผู้ยิ่งใหญ่” “ขงเบ้ง” ได้พูดถึง “คำคมการใช้ชีวิต” ว่า “อยู่ ให้มีศักดิ์ศรี ดี ให้มีคุณค่า บ้า ให้มีเหตุผล ทน ให้มีเป้าหมาย และตาย ให้มีคนจำ” อืม..เรื่องตาย.. ไม่มีใครหนีพ้น! ตาย.. อย่างมีคุณค่า..ดีใช่ไหม? ตายอย่างไร้ค่า.. มันแย่ว่ะ?
“คนเรา..หากไม่ยึดถือสัจจะแล้ว จะสามารถสร้างอนาคตได้อย่างไร?” เอ๊ะ! “ขงจื๊อ” พูดถึง “ตู่-เหลี่ยม” ที่เป็น“จอมโกหก” ประชาชนในวันนี้หรือเปล่าวะเนี่ย..? “คนป่วยที่เป็นอันตรายที่สุด คือคนป่วยที่มีอำนาจปกครองบ้านเมือง ผู้นำมักคิดว่า ตนเองเป็นผู้วิเศษ มีอำนาจพิเศษ และที่เลวร้ายที่สุดคือ หลงเชื่อตัวเองด้วย” คำคมของ“ฮัวโต๋” ใน “สามก๊ก” ช่างเหมาะเจาะกับ “ผู้มีอำนาจหลงตน” ในเวทีการเมืองชาติไทยอย่างน้อยสองคน ที่กำลังแย่งชิงอำนาจกันเหลือเกิน!.. “เมื่อเสียหลักก็ต้อง หลบอย่างชาญฉลาด เมื่อพลั้งพลาดต้อง รู้หลีกใส่ปีกหาง ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ ค่อยคลำทาง จึงจะย่างสู่จุดหมายเมื่อปลายมือ” “ขงเบ้ง”สอนกลยุทธ์ทั้ง “ถอยร่น-ตั้งรับ-รุกฆาต” เลยนะนี่!.. “สุมาอี้” ผู้กลายเป็นหนึ่งใน “ฮ่องเต้จีน” รู้ว่า.. “การยึดอำนาจคือ รัฐประหารชิงอำนาจ กระทำได้ง่าย การยึดกุมหัวใจราษฎร กระทำได้ยากกว่า แต่มั่นคงกว่า”.. เออ.. จริง! “บิ๊กตู่” ยึดอำนาจรัฐ มีมาตรา 44 ในกำมือ สืบทอดอำนาจต่อเนื่องเกือบ 9 ปี แต่ไร้ผลงาน “แก้ต้นเหตุปัญหาชาติ” จึงไม่อาจ “ยึดกุมหัวใจคนไทย” ได้ยังไงล่ะ! ส่วน “ซุนกวน” ผู้พ่ายเกมสงคราม “ขงเบ้ง” ย้ำเตือนให้ระมัดระวังว่า “มนุษย์นั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดายากที่สุด”
“ซุนกวน” ยังมองถึง“สงคราม” ว่า “สงครามมีหลายรูปแบบ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ขั้นตอนไม่สำคัญเท่ากับผลสุดท้ายที่ออกมา” จริงครับ!..สงคราม-มิใช่เกมกีฬา ที่แพ้-ชนะได้กับไม่ได้ “เหรียญ”.. ทว่า..ผู้ชนะสงคราม-ได้แทบทุกอย่าง! ผู้แพ้-เสียชีวิตเสียชาติบ้านเมือง! “ขงเบ้ง” ย้ำแล้วย้ำอีก ให้ “ผู้นำชาติ” รู้ว่า “รักคนดี ห่างคนเลว บ้านเมืองจึงจะจำเริญรุ่งเรือง”
ทว่า.. “ผู้นำไทย” มักไม่ทำตาม เพราะ “คนข้างตัว” ของ “นายกฯ-คณะรัฐมนตรี” ล้วนดั่งเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด ฯลฯ
ใน “สามก๊ก” คำคม “เกียงอุย” สิเจ๋งเป้ง! “ไม่มีเพื่อนตายในวงการเมือง เพื่อนที่ดี คือเพื่อนที่ตายไปแล้ว” ! เอ๊ะ! “เกียงอุย” รู้ได้ไงวะ..ว่า “การเมืองไทย” กับ “นักการเมืองไทย” มักมีเรื่องหักหลังกันและกันเสมอ จึงยึดหลักผิดๆ “ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร”! การเมือง “เพื่อน” จึงไร้ “เพื่อนแท้” และเกิดเรื่อง “เพื่อน” แทงหลัง “เพื่อนตาย” บ่อยๆ “โจโฉ” รู้ถึงแก่นแท้ของ “คน”.. จึงบอกว่า “มิมีสิ่งใดในโลก ที่เป็นไปไม่ได้ หากผลประโยชน์สูงพอ” โอ้โห!.. ตรงกับการเมืองไทยยามนี้จริงๆ! “เหลี่ยม” รู้ว่า “เงินซื้อผีโม่แป้งได้”! “ตู่” ก็ “ซื้อผีของเหลี่ยมมาโม่แป้ง” ได้เช่นกัน! หลังเลือกตั้ง จะมี “นักการเมืองใหญ่” หิ้ว “ถุงเงิน” แอบไป “ซื้อสารพัดงู” จาก “พรรคโน้นพรรคนี้” แน่นอน!..
“ขงเบ้ง”ยังสอน“ใครบางคน” ว่า “ทฤษฎี คือเปลือกนอก ปฏิบัติ ถึงเป็นแก่นแท้” อ้าว! “ขงเบ้ง” มารู้เสียอีกว่า “ตู่ชอบจ้อ” เอาแต่ “พูดจนลิงหลับ” แต่ “ไม่ทำ” โดยเฉพาะเรื่อง “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” แถมไม่ปราบคนโกงชาติจริงจัง! ไม่ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย ฯลฯ “ตู่” สนแต่ “พูดทฤษฎี” เน้นแต่ “เปลือก” ส่วน “แก่นแท้ปฏิบัติ”..“ตู่” ไม่สน-ไม่ทำโว้ย!..
ครานี้มาดู “เล่าปี่” บ้าง.. “เล่าปี่” มองเรื่อง “คน” ที่มักเกี่ยวโยงกับ“สถานการณ์” ว่า “สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ วีรบุรุษจะเกิดขึ้น เพราะสถานการณ์เท่านั้น” น่าคิด! แม้ “เหลี่ยม-ตู่” จะมีอำนาจในมือ มี “สถานการณ์” ที่ให้สร้างผลงานดีๆให้ชาติ เปิดโอกาสให้ได้เป็น “วีรบุรุษของประชาชน” แต่..! “เหลี่ยม-ตู่” กลับยึดติดอำนาจ ของ “ตัวเอง” กับพรรคพวก! “งานแผ่นดิน ไม่มีใครพูดตามท้องทุ่ง ไพร่ฟ้าหน้าเซียว เปรียบแล้วเหมือนนกทำรังในตึก มันไม่รู้ว่าตึก กำลังจะไหม้” แม้ไม่มีบทบาทลือเลื่องใน “สามก๊ก” แต่ “จงโฮย” พูดได้ดีน่าชื่นชมยิ่ง
เพราะ..“เมืองไทยใหญ่อุดม” ยุค “บิ๊กตู่” ประชาหน้าซีดเซียวยากจนลำเค็ญยิ่งขึ้น จากหลายวิกฤตโหมกระหน่ำ แถม “ผู้นำชาติ” ก็ขาดวิสัยทัศน์เท่าที่ควร ผลงาน“หลายเรื่อง”ผ่านไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ “หลายเรื่องร้ายๆ” ไม่มีผลงานแก้ไขเลย..!
“สุมาอี้” เตือนให้ระวังว่า “ส่วนใหญ่คนที่ฉลาดเป็นกรด มักตายเพราะปัญญาของตนเอง” อืม.. “เหลี่ยม” ฉลาดเป็นกรดปนเจ้าเล่ห์ “ทำผิด” แม้ไม่ถึงต้อง “ตาย” แต่ต้องจาก“ลูกหลาน” นานถึง 17 ปี! ส่วน “ตุ๊ดตู่”.. ฉลาดเป็นกรดผสมเจ้าเล่ห์เช่นกัน ไม่มีผลงาน “แก้ปัญหาชาติ” แม้แต่น้อย! “เลือกตั้ง” จึงต้องแพ้“เหลี่ยม” อีกครั้ง.. ฟันธง! ในหนังสือ “สามก๊กบนเส้นขนาน” สรุปถึงวิธีชิงบ้านชิงเมืองไว้อย่างน่ากลัวว่า “เพราะการชิงอำนาจ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความเสียหาย แม้จำเป็นต้องเผาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง”
อืม..“คนรุ่นใหม่ยุคนี้บางกลุ่ม” คิดและทำ อย่างข้างต้นมาแล้วล่ะ!.. ถือเป็นการใช้ “กลยุทธ์สามานย์” ถึงขั้นขายชาตินั่นเชียว!.. น่ากลัวจริงๆ!!.. “เสฉวน ล่มสลาย เพราะเหล่าขุนนาง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มากกว่าชาติ ไม่แยแสแม้ว่าชาติกำลังจะล่ม ต่อหน้าต่อตา” “ทุกครั้ง ที่นักการเมืองแย่งชิงอำนาจ คนที่ร้องไห้เงียบๆ คือประชาชน”
ผมรวบรวม “คำคม” ส่วนหนึ่งใน “สามก๊ก” มา.. ด้วยมุ่งหวัง “ลมๆแล้งๆ”.. จะให้ “นักการเมืองไทย” ได้สำเหนียกหน้าที่ของตนครับ..!