สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าได้รู้จักบุคคลซึ่งเป็นคนร้ายผ่านแอปพลิเคชัน Tinder ต่อมาได้พูดคุยผ่านทางแอปลิเคชัน Line ซึ่งบุคคลดังกล่าวใช้บัญชีไลน์ชื่อ Wichai ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดเหรียญดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มลงทุน Terra ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพื่อไปลงทุน รวมจำนวน 43,922,000 บาท แต่ภายหลังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้แต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญาธนบุรี กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 16.50 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมไปทำงานอยู่ ย่านเจริญนคร ซอย 14 พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบนายพลพัฒน์ อายุ 35 ปี ชาว จ.ยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้ทำการจับกุมตัว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” โดยควบคุมตัวได้บริเวณ ริมถนนเจริญนคร ซอยเจริญนคร 14 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ฯ ยังกล่าวอีกว่า ในเบื้องต้น นายพลพัฒน์ ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเป็นเพียงเจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าวจริง แต่เป็นเพียงผู้รับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นอื่นใด โดยจากการสืบสวนบัญชีดังกล่าวใช้ในการกระทำความผิดที่ผู้เสียหายได้โอนเงินเข้ามา ก่อนที่เงินส่วนนั้นจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพยักย้ายถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นต่อไป
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1, ร.ต.อ.ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม และ ร.ต.ต.สนทยา มะลิพรม รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันดำเนินการจับกุม