เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
ทนายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี พานายตั๊ก (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี อาชีพค้าขายรถยนต์ เป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนกองปราบฯปราม ให้ดำเนินคดีกับบริษัทประกันภัยชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมกรรมการบริษัทฯ และ มาดามคนดัง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจลงนาม ฐานกลั่นแกล้งแจ้งความเท็จ หลังผู้เสียหายขับรถเบ้นซ์ประสบอุบัติเหตุรถตกน้ำเมื่อปี 61 ที่ จ.สกลนคร แต่บริษัทประกันภัย นอกจากจะไม่จ่ายเงินประกันแล้ว ยังแจ้งความเอาผิดผู้เสียหายในข้อหา ฉ้อโกงประกันภัย โดยไม่มีพยานหลักฐาน ต้องดิ้นรนหาหลักฐานมาต่อสู้คดีมานานกว่า 5 ปี จนปี 65 อัยการ จ.สกลนคร มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว และล่าสุดวันนี้ได้มาติดตามทวงถามพงส.บก.ป.แจ้งว่าคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน
วันนี้จึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทประกันภัยดังกล่าวพร้อมผู้บริหารผู้มีอำนาจทั้งสองคน ฐานแจ้งความเท็จ
ทนายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่าตนพาผู้เสียหายมาแจ้งความเอาผิดกับ บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งฐานแจ้งความเท็จ เป็นการกลั่นแกล้งให้ผู้ประกัน ไม่ได้รับเงินประกัน มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ร่วมกันจัดฉากและให้พยานให้การเป็นเท็จ เพื่อประสงค์จะไม่จ่ายเงินประกันภัย บริษัทประกันภัยทางนี้เป็นบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนรู้จักทั่วไป เคยมีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันมาหลายเคสแล้วแต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้เงินประกันภัย บางรายอาจจะจ่ายล่าช้าหรือบางรายอาจจะจ่ายน้อยจากที่ทำประกันเอาไว้
เรื่องนี้ตนมองดูแล้วบริษัทประกันภัยแห่งนี้ควรที่จะยกเลิกไป ไม่ควรจะปล่อยให้อยู่ต่อทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้เอาประกัน เพราะมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายรู้เห็นเป็นใจในการร่วมกันกระทำ อย่างกรณีรายนี้นอกจากจะไม่ได้เงินประกันแล้วยังถูกแจ้งความดำเนินคดี จนสุดท้ายแล้วทางอัยการและพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่ผู้เสียหายก็ยังไม่ได้เงินประกัน ถ้าเราไม่ดำเนินการอะไรกับบริษัทประกันภัยแบบนี้ก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องประชาชนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นการใช้กฎหมายที่ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง
นายตั๊ก ผู้เสียหาย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 14 มี.ค.61 ตนเองขับรถไปเที่ยว ที่ เขื่อนน้ำอูน อ.พังโคน จ.สกลนคร ขณะนั้น ได้จอดรถไว้ที่ข้างทาง เพื่อลงไปทำธุระส่วนตัว(ปัสสวะ) อยู่ๆ รถเบนซ์ ของตนเอง ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้า ก็สตาร์ทเครื่องเองแล้วรถพุ่งตกน้ำ เสียหายทั้งคัน
จากนั้น ตนเองได้ไปยื่นเรื่องขอเคลมประกัน กับบริษัทที่ได้ทำประกันภัยไว้ วงเงินประกัน 1.6 ล้านบาท แต่ทางบริษัทประกัน เจรจา จะจ่ายให้เพียง 9 แสนบาท ซึ่งตนเองก็ไม่ยอม จึงยื่นข้อเสนอให้ทางบริษัทประกัน ซ่อมรถจมน้ำให้ และต้องรับประกัน 2 ปี ทางบริษัทประกันก็ไม่ยอมสุดท้าย และยังตกลงกันไม่ได้ จึงได้ไปร้อง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่ง คปภ. ได้มีการนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจากัน แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้ จนระยะเวลาผ่านไปเกือบจะครบ 3 เดือน ที่บริษัทประกัน จะต้องเคลมประกันให้ตามสัญญา สุดท้าย ทางบริษัทประกันภัย เล่นแง่ข้อกฎหมาย โดยการ ไปแจ้งความ กับตำรวจกองปราบปราม ว่าตนเองฉ้อโกงประกันภัย และ นำเอกสาร ใบแจ้งความใบเดียว ไปมอบให้กับ คปภ. เมื่อคปภ. ขอดูหลักฐาน ว่า ตนเอง โกงประกันภัยอย่างไร แต่ตัวแทนบริษัท กลับหาหลักฐานไม่ได้
พร้อมกันนี้ ตัวแทนบริษัทประกัน ยังมีการปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จ โดยในช่วงเกิดเหตุรถตกน้ำไม่มีพยานแวดล้อมอยู่เลย เพราะไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อตนเองไปฟ้องศาล บริษัทประกันกลับมีพยานปรากฎถึง 21 ปาก แต่ศาลตัดให้เหลือพยานเพียงแค่ 7 ปาก และพยานทั้ง 7 ปากก็ไม่มีใครมาให้การในชั้นศาลเลย ในภายหลังตนเองทราบว่าพยานเป็นใคร จึงได้ไปหาที่บ้านและพยานยอมรับว่า มีเจ้าหน้าที่มาสอบถามจริง แต่ไม่ใช่คนที่เห็นเหตุการณ์ และเซ็นชื่อในเอกสาร ว่ามีการซักถามข้อมูลธรรมดา เท่านั้น
ส่วนคดีที่ บริษัทประกันภัย แจ้งความดำเนินคดีตนเอง ไว้ที่กองปราบปราม โดยกล่าวหา ว่า ฉ้อโกงประกันภัย นั้น หลังจากพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว ในวันที่ 13 กันยายาน 2565 พนักงานสอบสวน ได้แจ้งหนังสือ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ตนเอง เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และส่งความเห็นไปยัง พนักงานอัยการ จังหวัดสกลนคร และในปีเดียวกัน อัยการ ก็ มีความเห็นพ้อง กับพนักงานสอบสวน สั่งไม่ฟ้องตนเองเช่นกัน
นายตั๊ก ยังกล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ตนเองเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม หาพยานหลักฐานเองทั้งหมด ขาดโอกาสในการทำมาหาได้ และขาดความน่าเชื่อถือในอาชีพการงาน สุดท้าย ชนะคดี จึงมาปรึกษาทนายความ เพื่อที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม กลับคืนมา
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป