ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัตตเมธ ใจแก้ว, พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ, พ.ต.ท.ธนะ ว่องทรง รอง ผกก.2 บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์, พ.ต.ต.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด, ว่าที่ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, ว่าที่ พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท.,พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.(สอบวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก กก.4 บก.ปคบ. และ กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา เครือข่ายหลอกลงทุน-คอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของบ่อนคาสิโน “คิงส์โรมัน” ใน สปป.ลาว ลงไปจนถึงคนรวบรวมบัญชีม้าและคนรับจ้างเปิดบัญชีม้า ซึ่งในคดีนี้ได้ร้องขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ รวม 15 หมายจับ และสามารถจับกุมผู้ต้องได้หาทั้งหมด 11 ราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- MR. TENG JUN (เถิง จวิ้น) สัญชาติจีน (เป็นหัวหน้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยจับกุมที่ บ้านพัก ในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66
- น.ส.หงษ์ อายุ 25 ปี บุคคลไร้สัญชาติ (เป็นคนที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยการขายเหรียญคริปโตและนำเงินสดไปส่งมอบให้หัวหน้าเครือข่าย) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1852/2566 ลง 16 มิ.ย.66 จับกุมที่บ้านพักในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66
- นายนพดล อายุ 32 ปี (เป็นคนที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าจากฝั่งไทย ไปส่งมอบให้กับชาวจีนที่ควบคุมดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ สปป.ลาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1853/2566 ลง 16 มิ.ย.66 จับกุมที่บ้านพักในพื้นที่ ซ.พัฒนานิเวศน์ 12 ถ.สุขุมวิท 71 เขตพระโขนงเหนือ แขวงวัฒนา กทม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66
- นายปิยะพงษ์ อายุ 36 ปี (เป็นคนที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าจากฝั่งไทย ไปส่งมอบให้กับชาวจีนที่ควบคุมดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ สปป.ลาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1739/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.4 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายณัฐวุฒิ อายุ 33 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1735/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.6 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายนัทธพงศ์ อายุ 30 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1733/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ใกล้ปากซอยบ้านดู่ ม.3 ซ.4 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- น.ส.กาญจนา อายุ 35 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลศาลอาญา ที่ 1736/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.1 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายนพพร อายุ 37 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1731/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.4 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นางอังศุมาลินฯ อายุ 30 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1734/2566 ลงวันที่ 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.11 ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายเอฯ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี (พ่อค้าเหรียญคริปโต) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1738/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.1 บ้านกลางเวียง ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายบีฯ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี (พ่อค้าเหรียญคริปโต) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1740/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 10 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี เมื่อ 13 มิ.ย.66
อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตามหมายจับเพิ่มเติม อีก 5 ราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ - MR.QIU DEWU (ชิว เตอร์อู่) สัญชาติจีน (กลุ่มบริหาร เปิดบริษัทในประเทศไทย ทำหน้าที่ฟอกเงิน)
- MR.QIU DECONG (ชิว เตอร์ชง) สัญชาติจีน (กลุ่มบริหาร ทำหน้าที่ฟอกเงิน)
- MR.ZHANG ZHIHONG (จาง จื่อหงส์) สัญชาติจีน (กลุ่มบริหาร หน้าที่รวบรวมบัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า)
- นายอาเคอ อายุ 39 ปี สัญชาติไทย (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า)
- นายจตุพร อายุ 37 ปี สัญชาติไทย (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า)
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”