วันที่ 21 มิถุนายน 2566 กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตํารวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นแพทย์ทํางานคลินิกเสริมความงาม
สืบเนื่องจากกองกํากับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครอง ผู้บริโภค ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ขอให้ทําการตรวจสอบคลินิกเสริมความแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ซึ่ง คลินิกดังกล่าวซึ่งมีการเปิดให้บริการรับฉีดวิตามินผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก ให้ประชาชนทั่วไป โดยสงสัยว่าคลินิก ดังกล่าวใช้บุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ตรวจรักษาประชาชน และเปิดดําเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงลงพื้นที่ ตรวจสอบจนทราบว่า สถานพยาบาลดังกล่าว ชื่อ “ยองชางคลินิกเวชกรรม” และพบว่าคลินิกดังกล่าว ไม่ได้ รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลแต่อย่างใดและมีบุคคล แสดงตนแอบอ้างเป็นนายแพทย์ ให้บริการฉีดรักษา เสริมความงามแก่ประชาชนทั่วไปจริง โดยคลินิกดังกล่าวอาศัยความน่าเชื่อถือของทําเล ที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง ทําให้ประชาชนหลงเชื่อว่าได้มาตรฐาน ดําเนินกิจการถูกต้องจนหลงเข้ารับบริการ โดย ไม่ได้ตรวจสอบว่าแพทย์ที่ทําการรักษา เป็นแพทย์จริงหรือไม่ ทําให้เป็นอันตรายต่อสุข ภาพและอาจถึงขั้น เสียชีวิตได้
ในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงได้ร่วมกันนําหมายค้นของศาลอาญา เข้าทําการตรวจค้น ยองชางคลินิกเวชกรรม ที่ตั้งภายในโรงแรม แห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แขวงจอมพล เขต จตุจักร กรุงเทพมหานคร ขณะเข้าตรวจสอบพบว่าคลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป และมี ประชาชนรอรับบริการอยู่หลายราย พบ นาย พิมพ์ลภัส (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี แสดงตัวเป็นแพทย์ ทํา การตรวจรักษา และกําลังฉีดยาเข้าบริเวณใบหน้ากับประชาชน จากการตรวจสอบแพทย์ผู้ทําการรักษาไม่ใช่ แพทย์ และไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้งคลินิกดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ สถานพยาบาล และดําเนินการสถานพยาบาลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ จับกุม นาย พิมพ์ลภัสฯ พร้อมตรวจยึด ยาที่มีทะเบียน 19 รายการ, ยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตํารับยา 5 รายการ, เครื่องมือแพทย์ 16
รายการ, เวชระเบียนประชาชนที่มารักษา และเอกสารอื่นๆ รวม 45 รายการ นําส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.
โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานาย พิมพ์ลภัสฯ ในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดย ไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตํารับยา” โดย นาย พิมพ์ลภัสฯ รับว่าตนไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความรู้ ความชํานาญ อย่างแพทย์ผู้มีวิชาชีพแต่อย่างใด เรียนจบ การศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี สาขา นิเทศศาสตร์ อาศัยประสบการณ์เคยทํางานในคลินิกเสริมความงาม ในตําแหน่งผู้ช่วยแพทย์ จึงพอมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ ประกอบกับมีความสนใจในด้านศัลยกรรมเสริม ความงามและเห็นช่องทางว่ามีรายได้ดีจึงเริ่มรับงานโดยแอบอ้างตัวเป็นแพทย์เฉพาะทางรับฉีดวิตามนิผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก และรับงานรักษาในคลินิกกรณีคลินิกนัดหมายลูกค้าให้ โดยทํามาแล้วประมาณ 5 ปี มีรายได้ เดือนละ 20,000-40,000 บาท สําหรับ ยองชางคลินิกเวชกรรม เริ่มเข้ามาทําได้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งนาย พิมพ์ลภัสฯ ได้ทําการให้บริการเสริมความงามให้ผู้รับบริการตามคลินิกต่างๆ โดยให้บริการรับฉีดฟิลเลอร์ บริเวณหน้าผากด้วย ซึ่งแพทย์โดยทั่วไปไม่รับฉีดบริเวณดังกล่าวเนื่องบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีความ อันตรายสูง เพราะมีเส้นเลือดเชื่อมต่อไปยังจอประสาทตา และสมอง หากแพทย์ที่ทําการฉีดไม่มีความ ชํานาญมากพอ อาจทําให้อาจเกิดผลกระทบโดยตรงถึงขั้นตาบอดได้
อนึ่ง ในส่วนเจ้าของคลินิกดังกล่าว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และ ตรวจสอบข้อมูลยืนยันการได้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หาก ข้อมูลยืนยันว่ากระทําผิดจริง จะได้เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยไม่ได้รับอนุญาต และดําเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับ อนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตํารับยา,ขายเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อไป
การกระทําของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม
- พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
- พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ดําเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
- พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตํารับยา” ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
- พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ฐาน “ขายเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรศึกษา ข้อมูลคลินิก แพทย์และขั้นตอนการรักษาให้ดีก่อนที่จะเข้ารับบริการเสริมความงามเนื่องจากการเสริมความ งานเป็นขั้นตอนและวิธีการที่จะต้องใช้ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเกิดผลกระทบกับร่างกายโดยตรง และ แจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทําความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตํารวจจะดําเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะ ดําเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือน ภัยผู้บริโภค
“ผู้ต้องหาหรือจําเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคําพพิ ากษาถึงที่สุด”
กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง
“มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
1106 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 Website : https://cib.go.th/