กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.บุรินทร์ กะปิตถา, พ.ต.ต.สุรศักดิ์ หญีตบึ้ง, พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.มณเฑียร ธงเทียน,ร.ต.อ.พศวัต ศรีสุขโข,รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.ท.จักรภัทร สงรอด รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป., จ.ส.ต.พิสิษฐ์ บุดดีเฆ่, จ.ส.ต.อดิศักดิ์ จันทร์คง, ส.ต.อ.เจษฎา อาจน้อย, ส.ต.อ.นิติพัฒน์ แห่งหน และ ส.ต.อ.คุณานนท์ สาดสูงเนิน ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม
1.นางสาวปัณณพัชน์ ฯ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 101/2565 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2565 และหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ 106/2565 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565
2.นางภวริศา ฯ อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 102/2565 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และ ฉ้อโกง”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
พฤติการณ์ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2555 กลุ่มผู้เสียหายได้รู้จักกับ นางสาวปัณณพัชน์ฯ หรือ เจน ผู้ต้องหา จากคำแนะนำของกลุ่มเพื่อนผู้เสียหาย ซึ่งนางสาวปัณณพัชน์ฯ ผู้ต้องหาได้อ้างว่า ตนจัดตั้งสำนักร่างทรง ชื่อว่า “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” อยู่ย่านบางมด ถนนพระราม 2 และตัวเองเป็นร่างทรงอาม่า สามารถล่วงรู้และทำนายเหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องการค้า การงาน และการเดินทางได้ ทั้งนี้ยังมีนางภวริศาฯ ผู้เป็นมารดาและยังเป็นผู้ต้องหาอีกราย ร่วมกับนายวรศักดิ์ฯ พ่อเลี้ยง คอยสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อถือศรัทธา จนยอมเล่าปัญหาเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน
ซึ่งในคราวแรกๆ นั้น ผู้ต้องหาได้ทำทีเข้าทรงเป็น ร่างทรงอาม่า พร้อมแนะนำให้ผู้เสียหาย ประกอบธุรกิจในเรื่องที่ผู้เสียหายมีความรู้ ความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เช่น ถ้าผู้เสียหายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็จะแนะนำให้ผู้เสียหายเปิดสถาบันกวดวิชา หากผู้เสียหายเป็นแพทย์ก็จะแนะนำให้ผู้เสียหายเปิดคลินิก ซึ่งเมื่อผู้เสียหายปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ต้องหาแล้ว ทำให้ผู้เสียหายมีรายได้เข้ามาเป็นจำนวนมาก ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เป็นที่มาให้ผู้เสียหายหลงกล เกิดความศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงมีการบอกเล่าความศักดิ์สิทธิ์ต่อกันภายในเครือญาติเป็นทอดๆ
กระทั่งช่วงเดือนมกราคม 2558 ถึงเดือนเมษายน 2560 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางไปที่ “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” ที่ถูกอุปโลกน์ขึ้น ผู้ต้องหาก็ได้แสดงตนเป็นร่างทรงของอาม่าเช่นเคย พร้อมกล่าวกับผู้เสียหายว่า ช่วงนี้อาชีพแพทย์จะมีปัญหามากมาย ไม่ค่อยมั่นคง และไม่มีอิสรภาพทางการเงิน ก่อนจะออกอุบายแนะนำให้มาร่วมลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับผู้ต้องหาแทน โดยอ้างให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่สถาบันทางการเงินกำหนดไว้ พร้อมยังอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่นักลงทุนวงใน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ร่างทรงอยู่หลายท่าน ทำให้ผู้เสียหายส่วนใหญ่หลงเชื่อ โอนเงินให้นางสาวปัณณพัชน์ ผู้ต้องหา มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งช่วงแรกก็ได้ผลตอบแทนจริง แต่ต่อมาเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2561 มีผู้เสียหายได้ขอถอนทุนที่ได้ลงไว้กับผู้ต้องหา เป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท ผู้ต้องหาจึงได้ออกเช็คให้กับผู้เสียหาย เมื่อถึงกำหนดเรียกเก็บเงินจากธนาคารแล้ว ปรากฏว่า เช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่า “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย”
จากการตรวจสอบ พบว่าแท้ที่จริงแล้ว ผู้ต้องหาไม่มีการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนบก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมออกหมายเรียกตามขั้นตอน แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากผู้ต้องหา จึงทำการขอศาลออกหมายจับดังกล่าว ส่วนนายวรศักดิ์ฯ พ่อเลี้ยง เบื้องต้นได้ออกหมายเรียกให้มาพบและดำเนินการตามกฎหมาย
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบจนพบว่า นางสาวปัณณพัชน์ฯ หรือ เจน พร้อม นางภวริศาฯ ผู้เป็นมารดา ผู้ต้องหาทั้งสองไปกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบ และวันนี้ (4 ก.ค.66) พบตัว 2 ผู้ต้องหา จึงเข้าจับกุมตัว พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา