วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกต่างประเทศจีน‘จีน’ วิตกหนุ่มสาวมีทัศนคติเชิงลบ ‘4 ไม่’ ไม่มีแฟน-ไม่แต่งงาน-ไม่ซื้อบ้าน-ไม่มีลูก

Related Posts

‘จีน’ วิตกหนุ่มสาวมีทัศนคติเชิงลบ ‘4 ไม่’ ไม่มีแฟน-ไม่แต่งงาน-ไม่ซื้อบ้าน-ไม่มีลูก

หนุ่มสาวชาวจีน รวมทั้งผู้ที่ผ่านการศึกษาระดับสูงๆ ซึ่งต่างก็ตกอยู่ในภาวะตำแหน่งงานขาดไร้ความมั่นคง เวลานี้จำนวนไม่น้อยเลยกำลังเกิดทัศนคติเชิงลบที่ไม่เพียงเลิกฝันใฝ่จะซื้อหาบ้านพำนักอาศัยเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่ยังไม่อยากยุ่งกับเรื่องการหาแฟน การแต่งงาน และการสร้างครอบครัวด้วย

รัฐบาลจีนกำลังถูกเรียกร้องให้ลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงาน ในเวลาเดียวกับที่พวกคนหนุ่มคนสาวจำนวนเป็นกอบเป็นกำทีเดียวกำลังแสดงการยอมรับทัศนคติเชิงลบในเรื่องการสร้างครอบครัว ที่เรียกกันว่า “4 ไม่” กล่าวคือ ไม่สนใจการหาแฟน การแต่งงาน การซื้อที่พักอาศัย ตลอดจนการมีลูก

เมื่อตอนที่โฆษกของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Bureau of Statistics) ฟู่ หลิงฮุ่ย (Fu Linghui) แถลงในวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า มีคนที่อายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปีในประเทศจีนเพียง 15 ล้านคนเท่านั้นที่ยังกำลังหางานทำกันอยู่ เขาไม่ได้นับรวมพวกบัณฑิตจบใหม่ 11.6 ล้านคนที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานอยู่รอมร่อแล้ว

ตัวเลขของเขายังไม่ได้รวมผู้ที่อยู่ในวัย 30 ปีเศษๆ จำนวนมากซึ่งกำลังเดือดร้อนจากการมีรายได้ไม่แน่นอน ผู้คนเหล่านี้บางรายเวลานี้พูดถึงพวกเขาเองว่าเป็น เยาวชน “4 ไม่” (four nos) ซึ่งกลายเป็นวลีฮิตติดเทรนด์วลีหนึ่งบนอินเทอร์เน็ตในประเทศจีน

@suebjarkkhao

‘จีน’ วิตกหนุ่มสาวมีทัศนคติเชิงลบ ‘4 ไม่’ ไม่มีแฟน-ไม่แต่งงาน-ไม่ซื้อบ้าน-ไม่มีลูก

♬ เสียงต้นฉบับ – สืบจากข่าว – สืบจากข่าว

“คนจำนวนมากเลยคาดหวังว่าผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองของพวกเขาต้องมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง แต่ราคาที่พักอาศัยเวลานี้แพงมากจริงๆ จนเกินกว่าจะซื้อไหว” ชายอายุ 30 ปีผู้หนึ่งพูดเช่นนี้ในการให้สัมภาษณ์ช่องวิดีโอทางสื่อสังคมช่องหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ทำมาหากินตัวเป็นเกลียวนะ แต่เพราะการทำงานหนักของผมยังคงไม่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจต่างหากล่ะ” เขาบอก พร้อมกับเล่าต่อไปว่า เขาทำงานให้กับกิจการดิลิเวอรีอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งในปักกิ่งมาตั้งแต่ปี 2020 แต่ปรากฏว่าทางบริษัทยังคงค้างจ่ายค่าบริการให้เขาอยู่ 20,000 หยวน (ราว 97,000 บาท) เมื่อช่วงสิบปีก่อนเขายังสามารถเดตสาวได้ แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้แล้ว และถ้าถึงขั้นที่เขามีลูกด้วยแล้ว ลูกๆ ก็จะต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากบนโลกใบนี้

คลิปวิดีโอคลิปนี้แรกเริ่มเดิมทีโพสต์ทางช่องที่ใช้ชื่อว่า “ภายใต้แสงจันทร์” (Under the Moonlight) บนปีลีปีลี (Bilibili) เว็บไซต์วิดีโอแชริ่งซึ่งตั้งฐานอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนเมษายน ทว่าต่อมามันก็ถูกบล็อก กระนั้นยังคงตามหาชมได้บนโซเชียลมีเดียนอกประเทศจีน

ตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีหนุ่มสาวจีนบางคนยอมรับทัศนคติเชิงลบที่เรียกกันว่า “นอนราบ” (ถ่างผิง lying flat) สืบเนื่องจากพวกเขารู้สึกถูกสังคมบีบคั้นกดดันจนหายใจไม่ออก ให้พวกเขาต้องทำงานหนักเกินไปและบรรลุถึงความสำเร็จมากเกินไป เพื่อจะได้ซื้อหาที่พักอาศัยและแต่งงานสร้างครอบครัว ขณะที่เวลานี้พวกเขาจำนวนมากกำลังทุกข์ร้อนเนื่องจากไม่มีงานทำหรือรายรับไม่แน่นอน และต้องการเป็นอิสระจากภาระทางการเงินทั้งหลายแหล่

เอกสารชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีรายงานกันว่าออกโดยสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ (Communist Youth League องค์การเยาวชนของพรรคคอมมิวนิสต์) แห่งนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ระบุว่า จากการสำรวจโดยวิธีสัมภาษณ์นักศึกษามหาวิทยาลัยและคนงานวัยหนุ่มสาวจำนวนรวม 15,501 คนเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามี 1,215 คนหรือ 8% แสดงคุณลักษณะของการมีทัศคติแบบ “4 ไม่” รายงานชิ้นนี้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคมที่เกี่ยวข้องพยายามเปลี่ยนแปลงทัศนคติดของหนุ่มสาวเหล่านี้ ให้หันมาเป็น “4 ต้องการ” (four wants)

รายงานชิ้นนี้ปรากฏออกมาหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติแถลงในวันที่ 15 มิถุนายนว่า อัตราการว่างจ้างในเดือนพฤษภาคมของคนอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี ตามพื้นที่เขตเมืองของจีน ได้เพิ่มสูงขึ้นถึงระดับ 20.8% ขณะที่กลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 25 ถึง 59 ปีอยู่ที่ 4.1% เท่านั้น

ทางด้านสถาบันการเงินและการธนาคาร (Institute of Finance and Banking) ของบัณฑิตยสภาทางสังคมศาสตร์จีน (Chinese Academy of Social Sciences) กล่าวในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (11 ก.ค.) ว่า คนหนุ่มสาวการศึกษาสูงจำนวนมากไม่สามารถหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมได้ ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอินเทอร์เน็ต และธุรกิจติวเตอร์กวดวิชา ถูกกระทบกระเทือนหนักจากกฎระเบียบของรัฐบาลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

“มาตรการเข้มงวดที่ออกมาบังคับใช้อย่างต่อเนื่องเป็นชุดในปี 2021 ได้ช่วยจัดระเบียบภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอินเทอร์เน็ต และธุรกิจติวเตอร์กวดวิชา ทว่าเวลาเดียวกันก็สร้างผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อภาคเหล่านี้ไปด้วย” จาง ชง (Zhang Chong) นักวิจัยของสถาบันแห่งนี้ กล่าวระหว่างการแถลงสรุปผลการวิจัยนี้ให้แก่สื่อมวลชนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคาร (11 มิ.ย.) “ถึงแม้จำนวนคนว่างงานในภาคเหล่านี้ในปีนี้ได้ลดน้อยลงกว่าปี 2022 แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง”

นอกจากนั้นแล้ว “สืบเนื่องจากการยกระดับทางอุตสาหกรรม ตลาดแรงงานของจีนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ โดยโฟกัสให้น้ำหนักมากขึ้นแก่พวกอุตสาหกรรมภาคบริการ แต่ตำแหน่งงานในด้านอุตสาหกรรมการผลิตมีน้อยลง” จาง กล่าว “แนวโน้มนี้กระทบคนหนุ่มสาวจำนวนมาก”

เขากล่าวต่อไปว่า คนหนุ่มสาวการศึกษาสูงจำนวนมากพบว่าตนเองมีคุณสมบัติไม่สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งมุ่งเน้นหนักเรื่องทักษะความชำนาญทางเทคนิค ไม่ใช่ผลงานทางวิชาการ นอกจากนั้นแล้ว เขาชี้ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ผลกระทบทางลบต่อภาคบริการที่ยังคงตกค้างอยู่ของวิกฤตโรคระบาดใหญ่ ตลอดจนการใช้หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ก็มีส่วนผลักดันให้อัตราการว่างงานของจีนเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

จาง เสนอแนะว่ารัฐบาลควรต้องใช้นโยบายทางการเงินและทางการคลัง ตลอดจนมาตรการอุดหนุนต่างๆ เพื่อดันเศรษฐกิจจีนให้พุ่งขึ้นและสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ เขาบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกันที่จะต้องสนับสนุนพวกนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาเพื่อช่วยเหลือให้พวกนักเรียนนักศึกษามีคุณสมบัติสอดคล้องเหมาะสมกับตลาดแรงงาน

ปัญหาคนจีนมีลูกกันน้อยลง

กระทรวงกิจการพลเรือน (Ministry of Civil Affairs) ของจีน แถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า มีคู่ครองรวมทั้งสิ้น 6.83 ล้านคู่แต่งงานกันในปี 2022 น้อยลงมาราวๆ 800,000 คู่จากเมื่อปี 2021 โดยที่ตัวเลขปี 2022 นี้ยังถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1986 เป็นต้นมา

จำนวนคู่ครองที่แต่งงานกันลดต่ำลงอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2014 โดยค่อยๆ หดลงจาก 13.47 ล้านคู่ในปี 2013 มาเหลือ 9.47 ล้านคู่ในปี 2019 และดิ่งลงอีกเหลือ 7.64 ล้านคู่ในปี 2021

เหอ ตัน (He Dan) ผู้อำนวยการใหญ่ของศูนย์วิจัยประชากรและการพัฒนาจีน (China Population and Development Research Center) บอกว่า อัตราการเจริญพันธุ์ (fertility rate) ของจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.07 เมื่อปีที่แล้วจาก 1.52 เมื่อปี 2019 นี่หมายความว่าผู้หญิงจีนคนหนึ่งๆ จะให้กำเนิดทารกเพียงประมาณ 1 คนโดยเฉลี่ยเท่านั้นตลอดชั่วชีวิตของเธอ ทั้งนี้ถ้าหากจะให้จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นแล้ว อัตราส่วนนี้จะต้องอยู่ที่ 2.1 ขึ้นไป

ตัวเลขอัตราเจริญพันธุ์ล่าสุดของจีนนี้ กระทั่งยังต่ำกว่าของญี่ปุ่น ซึ่งลดลงมาเรื่อยๆ เป็นปีที่ 7 ต่อเนื่องกันจนอยู่ที่ระดับ 1.26 ในปี 2022 โดยที่พวกนักวิจัยด้านประชากรกล่าวกันว่า คู่ครองหนุ่มสาวจีนจำนวนมากมีความหวาดผวาการมีลูกเนื่องจากค่าครองชีพที่ขึ้นสูงลิ่วและค่าเลี้ยงดูลูกซึ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ

ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2021 รัฐบาลจีนได้กระตุ้นส่งเสริมครอบครัวของคู่ครองหนุ่มสาวให้มีลูก 3 คน ด้วยการเสนอลดหย่อนภาษี ตัดราคาค่าที่พักอาศัย และสั่งห้ามการเปิดเรียนกวดวิชาในช่วงวันหยุด

มาตรการอย่างหลังสุดนี้หวังกันว่าจะสามารถลดความได้เปรียบของพวกครอบครัวมั่งมีเงินทองซึ่งสามารถจ่ายเงินค่าติวเตอร์กวดวิชาได้และดังนั้นจึงสามารถส่งลูกๆ ของพวกเขาเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาระดับท็อปได้ พวกครอบครัวมั่งมีเงินทองนั้นสามารถจ่ายค่าติวเตอร์กวดวิชาให้ลูกๆ ได้อย่างสบายๆ ขณะที่พวกครอบครัวชนชั้นกลางพอจะสามารถทำได้อยู่เหมือนกัน ทว่าการแข่งขันนั้นไม่มีวันสิ้นสุดเอาเสียเลย เหมือนๆ กับการแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์นั่นแหละ

เวลานี้การกวดวิชาภายในจีนที่มีการสอนแบบตัวเป็นๆ ถูกสั่งห้ามแล้ว และพวกติวเตอร์ซึ่งตั้งฐานอยู่ในจีนต่างตกงาน ทว่าพวกครอบครัวมั่งมีเงินทองยังคงสามารถจ่ายเงินจ้างพวกติวเตอร์ที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งเปิดสอนทางออนไลน์อยู่ดี

มาตรการต่างๆ เหล่านี้ประสบความล้มเหลวไม่สามารถป้องกันจีนไม่ให้ประสบกับการมีจำนวนประชากรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 61 ปีในปี 2022 โดยในปีนั้นซึ่งก็คือปีที่แล้ว จำนวนประชากรในจีนได้หดน้อยลงเป็นจำนวน 850,000 คน หรือ 0.06% มาอยู่ที่ 1,412 ล้านคนตอนช่วงสิ้นปี 2022 เมื่อเทียบกับ 1 ปีก่อนหน้านั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนแถลงเอาไว้เช่นนี้ในเดือนมกราคมปี 2023

จีนยังสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกให้แก่อินเดียอีกด้วย โดยที่อินเดียมีประชากรเพิ่มขึ้น 9.6 ล้านคน หรืออยู่ในอัตราเท่ากับ 0.68% จนมีรวมทั้งสิ้น 1,417 ล้านคนในปีที่แล้ว

“4 ต้องการ”

ชาวเน็ตบางคนให้ความเห็นว่า รัฐบาลและพรรคไม่ได้ให้สิ่งที่คนหนุ่มสาวต้องการจริงๆ ความต้องการของพวกเขาคือการมีที่อยู่อาศัย งานที่มีความแน่นอน และการอุดหนุนต่างๆ สำหรับการสร้างครอบครัวในพื้นที่เขตเมือง ทว่าทางการกลับเรียกร้องขอให้พวกเขาออกไปช่วยเหลือยกระดับพวกเขตพื้นที่ชนบท

ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ สันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ในมณฑลกวางตุ้งได้เปิดตัวแผนการระยะเวลา 3 ปี ที่มีจุดมุ่งหมายจัดให้คนหนุ่มสาวราว 300,000 คนไปทำงานในพื้นที่ชนบทในช่วงระหว่างปี 2023 ถึง 2025 โดยที่ทางสันนิบาตฯ ระบุว่า คาดหมายว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ราว 10,000 คนจะยังคงทำงานในพื้นที่ชนบทเหล่านี้ต่อไปอีกภายหลังโครงการ ขณะที่อีก 10,000 คนจะเริ่มต้นทำธุรกิจในพื้นที่เหล่านั้น

นักเขียนจีนผู้หนึ่งกล่าวไว้ในข้อเขียนซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ (12 ก.ค.) ว่า สันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ในกว่างโจว ต้องการให้คนหนุ่มสาวมีจิตวิญญาณแห่ง “4 ต้องการ” แต่ตัวเขาคิดว่าการเอาแต่ตะโกนคำขวัญนั้นไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เขาบอกว่าสิ่งที่สำคัญก็คือรัฐบาลต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าทำไมคนหนุ่มคนสาวจึงมีความรู้สึกในเชิงมองโลกแง่ร้ายขึ้นมา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts