จอห์น เคอร์รี ผู้แทนพิเศษด้านกิจการสภาพภูมิอากาศของสหรัฐฯ หวังใช้นโยบายลดโลกร้อนเชื่อมความสัมพันธ์ “วอชิงตัน-ปักกิ่ง” จับมือพัฒนาโลกยุคใหม่ให้เป็นสีเขียว ลดความบาดหมางสงครามการค้าและกรณีไต้หวัน
จากการที่รัฐบาลจีนมีความมุ่งนั่นอย่างมากในการสร้างระบบพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก โดยการแสดงความรับผิดชอบต่ออารยธรรมมนุษย์ที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมโลก และให้คำมั่นสัญญาต่อโลกว่า จะพยายามทำให้บรรลุจุดสูงสุดของคาร์บอนก่อนปี 2030 (พ.ศ.2573) และมุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060 (พ.ศ.2603)
นั่นทำให้ จอห์น เคอร์รี ผู้แทนพิเศษด้านกิจการสภาพภูมิอากาศของสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 3 วัน ต้องการรื้อฟื้นการเจรจาด้านสภาพอากาศระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็น 2 ชาติผู้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุด ท่ามกลางสภาพอากาศรุนแรงสุดขั้วที่กำลังเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค รวมถึงปรากฏการณ์โดมความร้อน (heat dome) ในภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้อุณหภูมิในบริเวณหุบเขาแห่งความตาย (Death Valley) ในรัฐแคลิฟอร์เนียพุ่งแตะ 53 องศาเซลเซียสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16)
“เราหวังว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำนิยามใหม่แห่งความร่วมมือ และความสามารถที่จะแก้ไขความแตกต่างระหว่าง 2 ฝ่าย” เคอร์รี กล่าวภายหลังหารือกับ หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง
ระหว่างเข้าพบนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน เคอร์รี เตือนว่าสถานการณ์อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นในฤดูร้อนปีนี้ โดยอ้างถึงรายงานสภาพอากาศในภูมิภาคซินเจียงของจีนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 52.2 องศาเซลเซียสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงยึดมั่นแนวคิดการวางแผนและการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สีเขียว ด้วยการปฏิวัติวิธีการผลิต วิถีชีวิต วิธีคิด และค่านิยม ใช้แนวคิดของระบบตลอดกระบวนการทั้งหมดของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการปกป้องระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม จัดการชุดของความสัมพันธ์อย่างถูกต้อง เช่น การพัฒนาและการปกป้องทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น ทั้งในปัจจุบันและระยะยาว
เคอร์รี กล่าวกับ หวัง ว่า การเจรจาครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้สหรัฐฯ และจีนได้รีเซ็ตความสัมพันธ์ที่บาดหมางจากข้อพิพาทด้านอื่นๆ เช่น การค้าและไต้หวัน เป็นต้น “เราหวังอย่างยิ่งว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้น ไม่ใช่แค่บทสนทนาในประเด็นสภาพอากาศเท่านั้น แต่ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเริ่มเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ในภาพรวมได้”