วันที่ 20 ก.ค. 2566 เวลา 01.30 น. ตม.จว.จันทบุรี อำนวยการโดย พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.จันทบุรี , พ.ต.ท.ศวัส โชติรณพัส รอง ผกก.ตม.จว.จันทบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.นิพนธ์ เรืองสม สว.ตม.จันทบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ออกตรวจบนถนนสาย ระยอง-จันทบุรี-สระแก้ว เพื่อสกัดแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงที่มีประกาศกระทรวงแรงงาน อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศโดยผิดกฎหมายและมีนายจ้างอยู่แล้ว ให้มาขึ้นทะเบียนกับสำนักงานจัดหางานเขตทุกเขตหรือสำนักงานจัดหางานทุกจังหวัดทุกจังหวัด
ห้วงวันที่ 16-31 ก.ค.66 ตามมติ ครม.เมื่อ 5 ก.ค.66 โดยขณะที่ผ่านมาถึงบริเวณสามแยกจางวาง ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี นั้นได้พบรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน ฌฮ 8382 กรุงเทพมหานคร สีดำ ลักษณะมีพิรุธต้องสงสัยขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงไล่ติดตามไปตรวจสอบ แต่รถยนต์ต้องสงสัยนั้นไม่ยอมหยุดให้ตรวจ และเร่งความเร็วหนีฝ่าด่านมั่นคงของทหารพรานนาวิกโยธิน ร้อยบ้านแหลม ไปจอดที่ทางเข้าตลาดการค้าชายแดนบ้านแหลมเนื่องจากติดแผงกันทางไปต่อไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ได้ตามมาถึงในทันที จึงเข้าทำการตรวจสอบและจากการตรวจสอบพบ นายโซรา เรือน อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวและพบว่ามีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยสารมาด้วยอีกจำนวน 6 คน จึงทำการจับกุม นายโซรา ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการถูกจับกุม” และจับกุมคนต่างด้าวที่โดยสารมาด้วยในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าว(สัญชาติกัมพูชา)เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ” โดยควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมดพร้อมรถยนต์ของกลางส่ง สภ.บ้านแปลง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิพัทฒ์ สัจจพันธ์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 ได้สั่งกำชับให้ ตม.จว.จันทบุรี เพิ่มความเข้มกวดขันและตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่อาจจะอาศัยโอกาสลักลอบหลบหนีเข้ามาเพื่อขึ้นทะเบียนแรงงาน ตามประกาศกระทรวงแรงงาน ที่ให้คนต่างด้าวสี่สัญชาติ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม จดทะเบียนเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจาก จังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ง่ายต่อการลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยเน้นย้ำนโยบายในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ กวาดล้างคนต่างด้าวผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่เพื่อการดำเนินชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขของคนในชุมชน ต่อไป