วันพุธ, กันยายน 25, 2024
หน้าแรกต่างประเทศจีนใครอยากรบก็รบไป! “สี จิ้นผิง”กระตุ้นศก.ภายใน หัวจักรขยับจีดีพีโลก

Related Posts

ใครอยากรบก็รบไป! “สี จิ้นผิง”กระตุ้นศก.ภายใน หัวจักรขยับจีดีพีโลก

แม้เศรษฐกิจจีนช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะเติบโต 5.5% มูลค่ารวมอยู่ที่ 59.3 ล้านล้านหยวน (ราว 286.44 ล้านล้านบาท) มากกว่ากว่าชาติเศรษฐกิจรายใหญ่อีกหลายราย และน่าจะเป็นสิ่งที่น่าพอใจในช่วงที่เพิ่งผ่านพ้นการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ใกล้เคียงกับการกำหนดเป้าหมาย GDP ทั้งปี 2566 ไว้ที่ประมาณ 5% แต่รัฐบาลจีนยังมองว่าเศรษฐกิจจีนยังสามารถเติบโตได้อีก ประกอบกับสถานการณ์วุ่นวายทั่วโลก อาจมีตัวแปรทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

การประชุมกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (โปลิตบูโร) ซึ่งเป็นคณะผู้กำหนดนโยบายสูงสุดของประเทศ เมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค) ที่ผ่านมา โดยมี ปธน.สี จิ้นผิง เป็นประธาน เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และจัดลำดับความสำคัญของงานด้านเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ด้วยการหันมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจจีนขณะนี้เผชิญกับปัญหาท้าทายใหม่ๆ แม้ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่มีศักยภาพและเป็นบวกในระยะยาวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แต่อุปสงค์ในประเทศยังไม่เพียงพอ ผู้บริโภคในจีนมีความต้องการใช้จ่ายกันไม่มากเท่าที่ควร และจากอุปสรรคความยากลำบากในการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการ ตลอดจนจากความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในภาคธุรกิจสำคัญ เช่น ภาคอสังหาฯ รวมทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศที่อยู่ในภาวะซับซ้อนและหนักหนาสาหัส ที่ประชุมเน้นย้ำความจำเป็นในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้จ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านรถยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องตกแต่งบ้าน และบริการต่างๆ เช่น กีฬา การพักผ่อนหย่อนใจ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยให้การบริโภคมีบทบาทเต็มที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์มั่นใจว่า จีนยังมีมาตรการเชิงนโยบายอีกมากมายในการจัดการปัญหาความเสี่ยงและรับประกันว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ในโลกจะยังคงเป็นหัวรถจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไปอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม จีนยังคงยึดมั่นนโยบายการคลังเชิงรุกแบบรอบคอบ มีการลดภาษีและค่าธรรมเนียม ตลอดจนนำเครื่องมือทางการเงินในเชิงปริมาณและโครงสร้างอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระตุ้นตลาดทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตลอดจนให้การสนับสนุนเต็มที่สำหรับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ผลสรุปการประชุมดังกล่าว ยังประเมินภาวะเศรษฐกิจจีนปัจจุบันอยู่ในเชิงบวก หลังจากยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และมีการเปิดประเทศอย่างราบรื่น แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังลุ่มๆ ดอนๆ เนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายทั่วโลกก็เป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts