เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่ ห้องศปก.สภ.เมืองพัทยา พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.ชลบุรี และนายพิสิษฐ สิริสวัสดินุกูล นายอำเภอบางละมุง ร่วมกันแถลงข่าวชาวต่างชาติใช้อาวุธปืนจี้หัวนักท่องเที่ยวชาวคูเวตสั่งให้ไปนั่งเรียงกันกับพื้น อยู่บนจุดชมวิว
เขา สทร.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งสร้างความหวาดผวาให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
พล.ต.ต.ชมชวิณ รรท.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย สนธิกำลังร่วมกันทำการสืบสวนจนทราบว่าชายที่ถือวัตถุคล้ายอาวุธปีน สวมเสื้อเชื้ตสีดำ และสวมกางเกงขายาวสีดำที่ปรากฎในคลิปวิดีโอดังกล่าว คือ นายแก้ว ซอ อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมาร์ นายแก้ว ชอ ให้การว่า มีนายเน ชินแลท อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งเป็นเพื่อนของนายแก้ว ซอ เป็นคนถ่ายคลิป จึงได้ทำการเชิญตัวบุคคลทั้งสองมายัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อทำการสืบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว
จากการสอบถาม นายแก้ว ให้การยอมรับว่า เป็นบุคคลเดียวกันกับชายสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ที่ปรากฎในคลิปวีดีโอดังกล่าวจริง และให้การในรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2566 เวลาประมาณ 06.00 น. ขณะที่ตนกับเพื่อนชื่อนายเน ชิน แลท กำลังนั่งเล่นอยู่บริเวณจุดชมวิวเขา ส.ทร.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชาวอาหรับประมาณ 10 – 20 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นมาจุดชมวิวที่เกิดเหตุ เห็นว่า นายแก้ว ซอ มีไฟแช็คที่เป็นรูปลักษณ์คล้ายอาวุธปืน จึงได้เดินเข้ามาพูดคุยบอกว่าขอถ่ายคลิปเพื่อสร้าง คอนเทนต์ ไปลงในแอปพลิเคชั่น Tiktok
โดยบอกให้ นายแก้วขอ แสดงเป็นมาเพีย ถือไฟแช็คที่มีรูปลักษณ์ลักษณะคล้ายอาวุธปืน แล้วใช้ทำท่าทางจี้กลุ่มวัยรุ่นชาวอาหรับ และให้พูดเชิงรีดไถเงินสั่งให้ไปนั่งเรียงกัน และให้เพื่อนคือนาย เน ชิน แลท ที่มาด้วยกันเป็นคนถ่ายคลิปวิดีโอให้ โดยใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มวัยรุ่นชาวอาหรับในการถ่าย ส่วนกลุ่มวัยรุ่นชาวอาหรับจะแสดงเป็นผู้ถูกข่มขู่ ทำท่าทางหวาดกลัว และนั่งเรียงกันเหมือนโดนบังคับ (ดังที่ปรากฎตามคลิปวิดีโอ) นายแก้ว คิดเพียงว่าเป็นเรื่องขำชัน จึงตกลงร่วมถ่ายคลิปทำ คอนเทนต์ ดังกล่าว
อีกทั้ง นายแก้ว และนายเน ไม่ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากการถ่ายคลิปในครั้งแต่อย่างใด และไม่เคยรู้จักกันกับกลุ่มวัยรุ่นชาวอาหรับดังกล่าวมาก่อน และขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่ปรากฏตามคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์จริง เป็นเพียงการถ่ายคลิปทำ Content เพื่อสร้างความบันเทิงและสนุกสนานเท่านั้น จากการตรวจสอบวัตถุลักษณะคล้ายอาวุธปีนแล้วพบว่าเป็น ปีนไฟแช็ค เป็นลักษณะสิ่งเทียมที่คล้ายอาวุธปืนแต่ไม่ใช่อาวุธปืนจริง จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางประกอบไว้แล้ว
จากพฤติการณ์และการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอสร้าง Content ดังกล่าว เป็นการกระทำในลักษณะที่เกิดความรุนแรง ต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน ของผู้อื่นอันเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะสม และทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นความจริง ตามที่ปรากฎออกไปให้คนทั่วไปที่เห็นหรือทราบเหตุดังกล่าว อันเป็นการกระทำความผิดฐาน ร่วมกันแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตกใจ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 384 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับซึ่ง
จากการสืบสวนสามารถระบุตัวผู้ร่วมก่อเหตุรวม 6 คน เป็นชาวเมียนมา 2 คน และวัยรุ่นชาวคูเวตผู้อยู่ในกลุ่มที่สร้าง Content ดังกล่าว จำนวน 4 คน พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับคนละ 1,000 บาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 384 ซึ่งบัญญัติว่า”ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือ จนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ดังนี้
1.นายแก้ว ชอ สัญชาติเมียนมาร์
2.นายเน ซิน แลท สัญชาติเมียนมาร์
3.นายมิเชลฯ อายุ 20 ปี สัญชาติคูเวต
4.นายอาหมัดฯ อายุ 19 ปี สัญชาติคูเวต
5.นายมูฮัมหมัดฯ อายุ 19 ปี สัญชาติคูเวต
6.นายโมบารัค อายุ 20 ปี สัญชาติคูเวต
จากการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างความ หวาดกลัว ตื่นตระหนกให้แก่นักท่องเที่ยวส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ภ.จว.ชลบุรี จะได้ประมวลเรื่องเสนอเข้าคณะกรรมการพิจารณาคนต้องห้ามของ จว.ชลบุรี เพื่อพิจารณามีความเห็นต่อไป.