จากกรณีนักท่องเที่ยวสัญชาติคูเวต ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต บนถนนสุขุมวิทพัทยา บริเวณปากซอยเขาน้อย ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด บ่ายวันนี้ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยพบร่องรองการเฉี่ยวชนอยู่บนนถนนเลนขวา และเศษซากอะไรรถจักรยานยนต์ รวมถึงรองเท้าแตะผู้บาดเจ็บ แตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน
จากการพูดคุย นางอ้อย (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี วินจยย.บริเวณจุดเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุ กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่วินจยย. จู่ๆได้ยินเสียงดังตูม เมื่อหันหน้าขึ้นมาดูเห็นรถทั้งสองคันชนกันอย่างจัง จนคนกระเด็นลอยละลิ่วไปคนละทิศทาง ส่วนรถไถลไปกับพื้นถนนจนลุกเป็นสะเก็ดไฟตลอดทาง
จึงรีบวิ่งไปช่วยเหลือ และแจ้งจนท.ตรวจสอบ ระหว่างเกิดเหตุได้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวหรับ ขับตามมา เชื่อว่าน่าจะเป็นเพื่อนผู้บาดเจ็บชาวอาหรับ เพราะว่า เมื่อเพื่อนที่ขี่ตามมาดูเห็นเพื่อนประสบอุบัติเหตุ ถึงกับนั่งกุมหัวอยู่ริมถนน
ขณะที่ พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้ง สอบสวนพยานแวดล้อม และหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเห็นได้ว่า นักท่องเที่ยวชาวอาหรับ 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ลอดใต้อุโมงค์มุ่งหน้าพัทยาใต้ด้วยความเร็วสูง
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้มีชาวกัมพูชา ซึ่งขับขี่ออกมาจากซอยเขาน้อย และเปลี่ยนช่องทางเดินรถ กระทันหันจึงเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกันอย่างรุนแรง และจากการตรวจสอบของตำรวจ ยืนยันว่าชาวอาหรับที่ประสบอุบัติเหตุมาเพียงคันเดียว ไม่ได้ขับมาเป็นกลุ่มตามกล้องวงจรปิดที่ปรากฎ
ส่วนการรายละเอียดต่างๆ ทางด้านสำนวน และข้อกฎหมาย คงต้องรอพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายทั้งสองฝ่าย หรือร่องรอยการเฉี่ยวชน และรอยขูดบนท้องถนนจากกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำหลักฐานที่ชัดเจนในการพิจารณาในชั้นศาล
สำหรับมาตรการ สภ.เมืองพัทยา ได้ทราบถึงปัญหานักท่องเที่ยวชาวอาหรับชับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความรวดเร็วประมาท และก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และผู้อาศัยรอบข้าง ตามที่ได้มีการรายงานข่าว ผ่านสื่อหลายแขนงในช่วงที่ผ่านมา ทาง สภ.เมืองพัทยาได้ดำเนินการแก้ไขและป้องกันปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ได้ประสานงานกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การประชาสัมพันธ์ข้อมูล รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยมีการบูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ตรวจคนเข้าเมืองชลบุรี และตำรวจท่องเที่ยวพัทยา และมีผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม – 15
สิงหาคม 2566 รวมระยะเวลา 33 วัน ดังนี้
- การบังคับใช้กฎหมายกับนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ
1.1 ออกใบสั่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอาหรับที่กระทำความผิดตามพรบ.รถยนต์ และ พรบ.จราจรทางบุก จำนวน 800 ราย คิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยวันละ 25 ราย จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้ใดถูกออกใบสั่งซ้ำ
1.2 เก็บรักษารถจักรยานยนต์ไว้ตรวจสอบ จำนวน 272 คัน คิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยวันละ 9 คัน
1.3 ทำการเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่า ในกรณียินยอมให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จำนวน 153 ราย คิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยวันละ 5 ราย อยู่ระหว่างการสำรวจตัวเลขว่าร้านใด ถูกดำเนินการซ้ำ
- การประชาสัมพันธ์กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่าเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 35 ร้าน จำนวน 410 คัน ทุกคันมีการเสียภาษีครบถ้วน พร้อมเก็บข้อมูลในสารระบบร้านให้
เช่ารถจักรยานยนต์ และได้มีการสำรวจอย่างต่อเนื่อง - การตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร และออกใบสั่งผู้กระทำความผิดตาม พรบ,ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ขับขี่ชาวไทยและต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการพบผู้แทนสถานทูตคูเวตประจำประเทศไทย โดย สภ.เมืองพัทยาได้แสดงความพฤติกรรมดังกล่าวที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน และร่วมหารือแนวทางประชาชนของมูลเกี่ยวกับกฎหมายและข้อปฏิบัติให้กับผู้ดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย เพื่อให้เกิการแก้ปัญหาเป็นอย่างยั่งยืน
สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มชาวอาหรับ โซนตะวันออกกลาง ในช่วงที่ผ่านมา ชาวอาหรับก็คือนักท่องเที่ยว ที่ให้เกียรติเมืองพัทยา โดยเฉพาะช่วงนี้ ชาวอาหรับ เข้ามาพักผ่อนมากกว่า 3,800 คน ซึ่งแต่ละคนจากการทำข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา พบว่าพกเงินมาจับจ่ายใช้สอยขั้นต่ำคนละ 1 แสนบาท คิดเป็นเงินรวมกว่า 380 ล้านบาท ที่ทำให้ผู้ประกอบการในพัทยา ได้กลับมายิ้มให้การประกอบอาชีพในช่วงนี้.
