กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ทัศภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป.ปฏิบัติราชการ บก.ปอศ., พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.,
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายทรงชัย ฯ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2326/2566 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ, พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ”
สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถข้างหอพักแห่งหนึ่ง แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ว่าถูกบุคคลหลอกให้ลงทุนร่วม
เทรดหุ้น ผ่านทางช่องทางเฟซบุ๊ก อ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง ทั้งยังมีการแอบอ้างเป็นบริษัทชื่อดังที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับให้คำปรึกษาและจัดการลงทุนให้แก่ลูกค้า โดยช่วงแรกจะชักชวนให้ทดลองเทรดด้วยเงินจำนวนไม่มาก และได้กำไร สามารถถอนเงินกำไรดังกล่าวออกมาได้จริง จนผู้เสียหายตายใจ จึงตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุนจำนวนมากขึ้น แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินกำไรออกมาได้ ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนี้ กลุ่มผู้ต้องหาจะออกกลอุบายว่า ต้องทำการโอนเงินเพิ่ม จึงจะสามารถถอนเงินได้ ทำให้ผู้เสียหายจำเป็นต้องโอนเงินเพิ่มเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินได้ตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหาย กว่า 4 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับ ก่อนจะสืบสวนทราบว่านายทรงชัยฯ ผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคาร ให้แก่กลุ่มคนร้าย เพื่อใช้รับเงินโอนในการกระทำความผิด จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบว่าผู้ต้องหาอยู่บริเวณลานจอดรถข้างหอพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร จึงจับกุมตัว พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบพบอีกว่า นายทรงชัยฯ ผู้ต้องหา มีหมายจับในลักษณะเดียวกันติดตัว อีกจำนวน 4 หมาย ได้แก่ 1.หมายจับศาลแขวงพัทยาที่ จ.50/2566 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงฯ, พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ
2.หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.742/2566 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ข้อหา ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ
3.หมายจับศาลแขวงพิษณุโลกที่ 165/2566 ลงวันที่ 1 พฤษฎาคม 2566 ข้อหา ฉ้อโกงฯ, พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ
4.หมายจับศาลแขวงพิษณุโลกที่ 287/2566 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ข้อหา ฉ้อโกงฯ, พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหาย แต่รับว่า เมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2565 ได้มีอดีตภารโรงที่เคยทำงานด้วยกัน มาจ้างวานให้ไปเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยให้ผลตอบแทนจำนวน 3,000 บาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคน ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยุคนี้ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาเห็นช่องทางในการหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นโดยใช้ค่าตอบแทนที่เป็นจำนวนสูงเกินจริงและประกาศลงสื่อโซเชียลต่างๆ โดยอ้างถึงแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ จนประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อหลวมตัวเข้าไปทดลองตามที่กลุ่มคนร้ายหลอกลวง บางรายหมดเนื้อหมดตัวหรือต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงเพื่อหวังผลตอบแทนที่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปถึงผู้ที่รับเปิดบัญชีม้า หากถูกชักชวนให้มีการเปิดบัญชี เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด ท่านอาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนกระทำความผิด โดยแต่ละคดีก็จะเป็นความผิดต่างกรรมกันทำให้กลุ่มผู้ต้องหาแต่ละรายจะมีหมายจับเป็นจำนวนมากไม่สิ้นสุด ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” มีอัตราโทษตั้งแต่ 6 เดือน -7 ปี ปรับ 10,000 – 140,000 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.พิชญา ทวิชศรี สว.กก.3 บก.ปอศ. โทร. 082-4195636
