นายกฯจีน ร่วมสดสอบรถไฟความเร็วสูงสายจาการ์ตา-บันดุง ในอินโดนีเซีย เตรียมเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 ต.ค.ทำความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกหนึ่งความก้าวหน้าเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนสู่ความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเดินทางเยือนอินโดนีเซีย พร้อมด้วยลูฮัต บินซาร์ ปันด์ไจตัน ผู้ประสานงานความร่วมมือกับจีน และรัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย และบูติ คาร์ยา ซูมาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของอินโดนีเซีย ร่วมตรวจสอบทางรถไฟความเร็วสูงสายจาการ์ตา-บันดุง ในอินโดนีเซีย
โครงการรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง ได้รับเงินสนับสนุนจากจีน ด้านโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค แม้ว่าการก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าวจะเผชิญปัญหาและความล่าช้ามากมาย แต่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 ต.ค. หลังจากทดลองเปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง (Soft opening) เมื่อวันศุกร์ (1 ก.ย.) ที่ผ่านมา
รถไฟ “จาการ์ตา-บันดุง” ทำความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดตามที่ได้ออกแบบมา หลังจากที่อินโดนีเซีย เริ่มทดสอบระบบรถไฟความเร็วสูงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และค่อยๆ เพิ่มความเร็วจาก 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนถึงความเร็วสูงสุดตามที่ออกแบบไว้คือ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงทดสอบระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบราง ระบบจ่ายไฟฟ้า การสื่อสาร สัญญาณต่างๆ การแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง ทั้งนี้ การเดินทางบนรถไฟระยะทาง 142 กม. จะใช้เวลาเพียง 36 นาที
รถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการแถบและเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative หรือ BRI ของจีน เดิมทีมูลค่าการก่อสร้างโครงการนี้ อยู่ที่น้อยกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 204,000 ล้านบาท แต่ในภายหลังมีการเพิ่มงบประมาณอีกอย่างน้อย 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากต้นทุนด้านวิศวกรรม การก่อสร้าง และการซื้อที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น
จีนมีความมุ่งหวังกระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและบรรลุความมั่นคงเชิงร่วมมือ โดยหวังแนะนำกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนใช้ประโยชน์จากโครงการความร่วมมือต่างๆ เพื่ออัดฉีดพลังใหม่ๆ สู่มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและการทูตเชิงป้องกันในหลากหลายด้าน พร้อมกับเรียกร้องความร่วมมือในประเด็นอ่อนไหวน้อย ความพยายามส่งเสริมผลประโยชน์ด้านความมั่นคงร่วมกัน เพื่อเพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกันในด้านความมั่นคง
