กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป, พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ, พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.พร้อมคุณ ทองบัว สว.กก.5 บก.ป., ด.ต.สมศักดิ์ จองศิริ, ด.ต.ณัฏฐ์ธนัน ม่วงยืนนาน , ด.ต.ราชสิทธ สำเริงราช , จ.ส.ต.พิรภัทร กาญจนรังษี, จ.ส.ต.ปริวัตร เป็งใจ , ส.ต.อ.ศักดิ์กมล นาคแก้ว ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุม นายธนภัทรฯ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมาย จำนวน 5 หมายจับ ดังนี้
- หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 292/2563 คดีหมายเลขดำที่ อ338/2563 คดีหมายเลขแดงที่
อ3261/2563 ลงวันที่ 19 ต.ค.63 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” - หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ 616/2565 คดีหมายเลขดำที่ อ1952/2565 คดีหมายเลขแดงที่
อ3304/2565 ลงวันที่ 2 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” - หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.240/2565 ลงวันที่ 10 มี.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
“ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น และธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น” - หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1257/2565 ลงวันที่ 23 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”
- หมายจับศาลอาญา ที่ 1837/2566 ลงวันที่ 15 มิ.ย.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากผู้เสียหายได้ติดต่อว่าจ้างกับบริษัทขายทัวร์นำเที่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดขายทัวร์นำเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยมีนายธนภัทรฯ เป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว โดยผู้เสียหายได้ทำสัญญาและชำระเงินค่าทัวร์ เป็นจำนวน 358,197 บาท ให้แก่นายธรภัทรฯ ต่อมาบริษัทดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการนำเที่ยวได้ นายธนภัทรฯ จึงขอเลิกสัญญา และชำระเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายเพียง 110,000 บาท
และได้นำเงินส่วนที่เหลือของสัญญาจ้างไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ต่อมาศาลแขวงพัทยาจึงได้ออกหมายจับนายธนภัทรฯ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ จากการสืบสวนทราบว่า
นายธนภัทรฯ ได้หลบหนีมาเปิดบริษัทขายทัวร์นำเที่ยว ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีการเปลี่ยน
ชื่อบริษัทเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามจับกุม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้สืบทราบว่านายธนภัทรฯ ยังมีพฤติการณ์ หลอกลวงขายทัวร์ทิพย์ ให้แก่นักท่องเที่ยวที่หลงเชื่อมาใช้บริการ โดยรับจองซื้อแพ็คเกจทัวร์นำเที่ยว
ผ่านช่องทางในสื่อสังคมออนไลน์ แต่พอถึงเวลาตามที่ตกลงกลับไม่สามารถนำเที่ยวตามแพ็คเกจที่มีการตกลง
ซื้อขายได้ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับความเสียหายหลายราย โดยมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
ในหลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา โดยจากการสืบค้นพบว่านายธนภัทรฯ มีหมายจับจำนวนรวม
กว่า 5 หมายจับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ทราบว่านายธนภัทรฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง
ในพื้นที่ ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม ก่อนนำตัวส่งศาลแขวงพัทยา
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.พร้อมคุณ ทองบัว สว.กก.5 บก.ป. โทร.096-5469298