หลังประชุมสมัชชาประชาชนสมัยที่ 18 การรวมชาติของประเทศจีนที่เป็นปัญหาตกค้างทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิงได้เสร็จสิ้นไปสองพื้นที่คือฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งได้กลับคืนสู่มาตุภูมิจีนอย่างสมบูรณ์แบบ จึงคงเหลือแต่ไต้หวันซึ่งพรรคก๊กมินตั๋งที่พ่ายแพ้สงครามปลดแอกหนีจากแผ่นดินใหญ่ไปปักหลักอยู่ที่เกาะไต้หวัน
แผ่นดินอันเป็นเกาะไต้หวันนั้นเป็นดินแดนในอธิปไตยของจีนมาตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ แม้บางช่วงเวลาจะมีต่างชาติเข้ายึดครอง แต่ก็ต้องถือว่าเป็นดินแดนของประเทศจีนที่ไม่มีชาติใดอ้างสิทธิ์หรืออธิปไตยเหนือเกาะไต้หวันเลย
ต่างชาติที่เข้ายึดครองไต้หวันในระยะเวลายาวนานที่สุดคือญี่ปุ่น และได้อพยพคนญี่ปุ่นไปอยู่ที่เกาะไต้หวันหรือมณฑลไต้หวันมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นประชากรในไต้หวันจึงนอกจากเป็นประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมแล้ว ยังคงมีประชากรญี่ปุ่นที่มีเชื้อชาติญี่ปุ่น และชาวจีนที่มาจากแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะพลพรรคของพรรคก๊กมินตั๋ง
กลายเป็นว่าแผ่นดินจีนที่เรียกว่ามณฑลไต้หวันนั้นมีชนชาติหรือผู้มีเชื้อชาติต่างกันสองเชื้อชาติคือคนจีนกับคนญี่ปุ่นโดยคนจีนนั้นมีอยู่สองพวกคือชาวไต้หวันดั้งเดิมและชาวไต้หวันจากแผ่นดินใหญ่ที่แพ้สงครามปลดแอก นั่นคือพลพรรคของพรรคก๊กมินตั๋ง
หลังจากพรรคก๊กมินตั๋งหนีไปตั้งหลักอยู่ที่เกาะไต้หวันแล้ว ก็ได้อาศัยการปกป้องคุ้มครองจากต่างชาติ โดยประพฤติตนเป็นผู้อยู่ใต้อาณัติของชาติอื่น เห็นคนชาติอื่นดีกว่าชนชาติร่วมมาตุภูมิเดียวกัน กระทั่งบางครั้งบางห้วงเวลาชาวไต้หวันเชื้อสายญี่ปุ่นก็กลายเป็นนักการเมืองและถือครองอำนาจรัฐในไต้หวัน
ดังนั้นเพื่อให้คนที่มีสายเลือดต่างด้าวท้าวต่างแดนที่ไม่ใช่จีนแท้มีอำนาจปกครองไต้หวัน บรรดาต่างชาติที่มีอำนาจก็ร่วมกันสนับสนุนให้นักการเมืองเหล่านั้นมีบทบาทมีอำนาจในไต้หวัน จนกระทั่งทำให้คนจำนวนมากลืมเลือนไปว่าแท้จริงคนเหล่านั้นไม่ใช่คนจีน แต่เป็นคนต่างชาติที่ใส่เสื้อคลุมเป็นจีนเท่านั้น
แต่ความจริงก็ไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไป เยาวชนคนรุ่นใหม่และความจริงได้เปิดเผยออกมาชัดเจนขึ้นทุกวันว่านักการเมืองคนใดหน้าไหน พรรคการเมืองใดในไต้หวันที่เป็นตัวแทนของต่างชาติและไม่ใช่คนจีนดังนั้นความขัดแย้งทางการเมืองในไต้หวันในเรื่องผู้ปกครองเป็นคนต่างชาติหรือคนจีนจึงเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่ปิดเท่าใดก็ไม่มีวันมิดอีกแล้ว
เพราะเหตุที่อำนาจปกครองหลายช่วงเวลาเป็นของต่างชาติเพื่อประโยชน์ของต่างชาติ ดังนั้นเพื่อรักษาอำนาจชนิดนี้ไว้จึงฝักใฝ่อาศัยต่างชาติเป็นที่พึ่ง และกลายเป็นเหยื่อให้กับต่างชาติ
นั่นคือเห็นคนชาติเดียวกันเป็นศัตรู เห็นต่างชาติที่ควบคุมบงการตัวเองเป็นที่พึ่ง กระทั่งยอมจัดสรรงบประมาณจำนวนมากในแต่ละปีไปซื้อหาอาวุธมาเพื่อเตรียมการต่อสู้กับประเทศจีน
ทำให้งบประมาณจำนวนมากแทนที่จะใช้พัฒนาไปเพื่อพัฒนาไต้หวันหรือเพื่อความอยู่ดีมีสุขของชาวไต้หวัน กลายเป็นงบประมาณจำนวนมากนั้นต้องจ่ายให้กับต่างชาติเพื่อสั่งสมอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ฆ่าคนร่วมชาติเดียวกันคือ คนจีน
พฤติกรรมแบบนี้จะอยู่ไปได้นานอีกสักเท่าใด ความจริงจะให้คำตอบแก่ชาวโลกในไม่ช้านี้ เพราะบทเรียนและตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับซาอุดีอาระเบียที่ถูกปั่นหัวให้รบราฆ่าฟันกับชาวมุสลิมด้วยกันเองเพื่อประโยชน์ของต่างชาติ และต้องใช้งบประมาณจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้แผ่นดินไปซื้อหาอาวุธมารบราฆ่าฟันมุสลิมด้วยกันเอง ในที่สุดก็มีความตื่นตัวเกิดขึ้น
ในวันนี้ซาอุดีอาระเบียหันไปจับมือกับอิหร่าน จีน และรัสเซีย ผนึกกำลังประเทศอาหรับทั้งหลาย ฟื้นฟูสร้างสันติภาพขึ้นในตะวันออกกลาง ไม่ไยดีกับการยุยงปลุกปั่นของต่างชาติที่ให้ฆ่าชาวมุสลิมด้วยกันเองอีกต่อไป
วันหนึ่งอีกไม่นานนักปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในซาอุดีอาระเบียก็จะเกิดขึ้นในไต้หวัน ซึ่งขณะนี้ประชาชาติไต้หวันก็คัดค้านและมีการเรียกร้องให้มีการรวมชาติมากขึ้น
การรวมไต้หวันเข้ากับแผ่นดินใหญ่เป็นภารกิจสำคัญยิ่งใหญ่ของสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 20 ภายใต้การนำของประธานสี จิ้นผิง ซึ่งแม้จะถือหลักการคนจีนไม่ฆ่าคนจีน แต่ก็ยังคงสงวนสิทธิ์ในการรวมชาติโดยใช้กำลังทหารถ้าหากว่าฝ่ายกบฏในไต้หวันต้องการแยกประเทศ ณ เวลานั้นก็เป็นภารกิจของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนที่จะต้องเข้าจัดการ ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง
แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ขณะนี้รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการสำคัญดังที่ปรากฏต่อชาวโลกแล้วสองเรื่อง คือ
เรื่องแรก คือการประกาศเจตนารมณ์อันเด็ดเดี่ยวต่อชาวโลกต่อหน้าผู้นำของประเทศต่างๆ ร่วมพันคนของประธานสี จิ้นผิง ว่า การรวมไต้หวันเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งที่จีนจะไม่ยอมให้ชาติใดเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงโดยเด็ดขาด ซึ่งหมายความว่านับแต่บัดนี้ไปการรวมไต้หวันเข้ากับจีนจะเดินหน้าเต็มที่
เรื่องที่สอง คือการออกมาตรการให้ชาวมณฑลไต้หวันสามารถขอบัตรประชาชนและถือบัตรประชาชนจีนได้ ปรากฏว่าทันทีที่มาตรการนี้ถูกประกาศออกไป ชาวไต้หวันได้หลั่งไหลทำบัตรประชาชนเป็นผู้ถือบัตรประชาชนจีนอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่รู้ว่าในระยะเวลาต่อไปนี้จะมีชาวไต้หวันมาถือบัตรประชาชนจีนเป็นจำนวนเท่าใด ถ้าหากเกินครึ่งวันใดการรวมชาติโดยสันติก็จะเกิดขึ้น ณ วันนั้น
เหตุที่ชาวมณฑลไต้หวันแห่กันไปทำบัตรประชาชนจีนก็เพราะทราบความนัยเป็นอย่างดีว่าเมื่อเป็นประชาชนจีนแล้วย่อมได้รับการคุ้มครองรับรองจากประเทศจีน ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ไม่ทำบัตรประชาชนจีนก็จะกลายเป็นคนต่างด้าว ที่จะไม่ได้รับการรับรองคุ้มครองใดๆ จากประเทศจีน รวมทั้งถือครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆ ด้วย
มาตรการแรกนี้หนักหน่วงรุนแรงยิ่งกว่าการใช้กำลังทหารมากนัก และคอยดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น