16 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – รองโฆษกฯ เผย นายกฯ สั่งภาครัฐจัดซื้อรถอีวี แทนรถยนต์ที่หมดอายุ พร้อมกำหนดส่งเสริมรถยนต์สาธารณะทุกชนิด ให้เปลี่ยนเป็นรถอีวี
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการถึงมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าหรือ อีวี โดยเฉพาะในภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการผลักดันการใช้และผลิตรถยนต์อีวีตามนโยบาย 30 แอท 30 คือ เป้าหมายต้องผลิตอีวีได้อย่างน้อย 30% ภายในปี 2030 โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการเพิ่มเติมว่า ขอให้ทุกส่วนราชการจัดซื้อจัดจ้างรถอีวีแทนรถยนต์ที่หมดอายุ รวมถึงการจัดซื้อหรือเช่ารถอีวีด้วย โดยให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงการคลัง กำหนดมาตรการส่งเสริมรถยนต์สาธารณะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถสามล้อ ให้เปลี่ยนเป็นรถอีวี และการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ การสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งในที่ประชุม ครม. ได้ตั้งข้อสังเกตและผลกระทบมาตรการของรถอีวี ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถมือสอง ซึ่งก็ให้มีการพิจารณาแนวทางที่ครอบคลุมส่วนนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังกำชับเรื่องการป้องกันแก้ปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่งแจ้ง ซึ่งเป็นส่วนของการสร้างฝุ่นละอองPM 2.5 ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีแผนปฏิบัติการลดความอันตราย โดยแก้ปัญหาที่ต้นตอ ที่ต้องร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน จึงแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมอบหมายให้ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นรองประธานคณะกรรมการ
นางรัดเกล้า กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งจัดการเรื่องขยะ ที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา โดยหน่วยงานของรัฐต้องเป็นต้นแบบที่ดีในการจัดการขยะ ต้องทำพร้อมกันทั้งระบบ ก็คือต้นทาง กลางทาง ปลายทาง โดยต้นทางคือ ทุกหน่วยงานต้องลดปริมาณขยะให้มากที่สุดในการ Reduce และนำกลับมาใช้ใหม่ Reuse และรวมไปถึง Recycle ด้วย ส่วนกลางทาง ทุกหน่วยงานส่งเสริมให้เกิดการแยกขยะ เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดขยะ และปลายทางคือ หน่วยงานท้องถิ่นจัดหาพื้นที่กำจัดขยะตามหลักวิชาการ และเร่งกำจัดขยะตกค้าง