วันที่ 21 ต.ค.66 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า
จากกรณีที่ชาวบ้านในจังหวัดระยองและสมาคมฯ ได้ยื่นคำร้องถึง รมว.อุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการลักลอบทิ้งและฝังกลบกากอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสารอันตรายในเขตนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนและพื้นที่ใกล้เคียงใน ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่สะสมมากถึง 21 ไร่แล้วนั้น
บัดนี้ระยะเวลาผ่านไปเกือบ 20 วันแล้ว สมาคมฯ ยังไม่รับการตอบรับใด ๆ ในการจัดการการแก้ไชปัญหาที่เกิดขึ้นตามการร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งเป็น 2 หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในพื้นที่ที่เกิดปัญหา ทั้งๆที่หลักฐานการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมดังกล่าว ศูนย์ควบคุมมลพิษ จ.ระยอง ได้สุ่มตรวจตัวอย่างกากอุตสาหกรรมในจุดต่าง ๆ ที่พบเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจหาคุณสมบัติของกากอุตสาหกรรมดังกล่าวแล้ว โดยยืนยันว่าพบสารอินทรีย์อันตรายสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่สำคัญพบสารตะกั่วที่มีค่าเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดจำนวนมากด้วย
ซึ่งสารตะกั่วที่พบใน 6 จุดที่กระจายทั่วพื้นที่นั้น มีค่าสูงสุดถึง 16,900 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และต่ำสุดที่ 3,720 มิลลิกรัม ซึ่งมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดว่าจะต้องไม่เกิน 800 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อีกทั้งพื้นที่ฝังกลบยังอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านใช้อุปโภค-บริโภค และพื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมแล้วด้วย ซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้ชาวบ้าน เด็ก เยาวชนที่บริโภคน้ำที่ปนเปื้อนดังกล่าวเป็นโรคพิษจากสารตะกั่ว และหรือโรคอิไต-อิไต ได้
กรณีนี้ เจ้าของโรงงานที่นำกากอุตสาหกรรมมาทิ้งย่อมมีความผิดฐานนำกากอุตสาหกรรมออกนอกโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นอำนาจของกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่จะต้องมีคำสั่งเอาผิดเจ้าของโรงงานที่ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมดังกล่าว และจะต้องสั่งให้มีการฟื้นฟูสภาพดินปนเปื้อนสารอินทรีย์ที่มีสารโลหะหนักอันตรายให้กลับคืนสภาพที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และจะต้องดูแลสิ่งมีชีวิตและผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน สังคมโดยรวม ตาม พรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ประกอบ พรบ.โรงงานอุตสาหกรรม 2535
นอกจากนั้น กรมโรงงานฯ จะต้องสั่งการให้ไปแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของกากอุตสาหกรรม ตามมาตรา 37 วรรค 1 เรื่องการนำกากอุตสาหกรรมมากองนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตตามข้อ 9 ประกอบข้อ 12 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องกำจัดสิ่งปฏิกูล พ.ศ.2548 และต้องรีบขนย้ายกากอุตสาหกรรมออกไปกำจัดบำบัดทางวิชาการให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบกลับพบว่ามีความพยายามที่จะนำกาดอุตสาหกรรมดังกล่าวไปกลบฝังในพื้นที่อีกแห่งในนิคมอุตสาหกรรมไทยจีนแล้วนำดินเปล่ามากลบหน้าดินเพื่อทำลายหลักฐานหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมาย และเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัด กรมโรงงานฯและ กนอ.โดยชัดเจน ซึ่งหลักฐานที่เห็นด้วยตาเปล่าเช่นนี้สมาคมฯจะนำไปทวงถาม รมว.อุตสาหกรรมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
