จีน-อาเซียน เปิดประชุมคณะทำงาน 11 กลุ่ม ขยายผลเอฟทีเอ ตั้งเป้าคุยคืบหน้าเกินครึ่งทางภายในปีนี้ ก่อนจีนเป็นเจ้าภาพรอบต่อไป ช่วงปลายเดือน ม.ค. 67
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้เข้าร่วมการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA Upgrade Negotiations) ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองบันดุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล) เป็นประธานฝ่ายอาเซียน และอธิบดีกรมเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ (นายหวี เปิ่นหลิน) เป็นประธานฝ่ายจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายผลักดันให้การเจรจามีความคืบหน้ามากที่สุด เพื่อสรุปผลให้ได้ภายในปี 2567
นางอรมน กล่าวว่า การเจรจารอบนี้ เป็นการประชุมในรูปแบบไฮบริด ทั้งแบบพบหน้าและแบบออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วยการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า (Trade Negotiating Committee) ซึ่งกำกับดูแลและติดตามการเจรจาในภาพรวม และการประชุมคณะทำงานย่อย 11 กลุ่ม ได้แก่ 1) การค้าสินค้า 2) การลงทุน 3) เศรษฐกิจสีเขียว 4) เศรษฐกิจดิจิทัล 5) สุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 6) กฎระเบียบทางเทคนิคและกระบวนการตรวจสอบและรับรอง 7) วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย 8) การแข่งขันและการคุ้มครองผู้บริโภค 9) พิธีการทางศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 10) ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวิชาการ และ 11) กฎหมายและสถาบัน โดยไทยในฐานะประธานร่วมฝ่ายอาเซียนได้ร่วมกับจีนผลักดันให้การเจรจารอบนี้ มีความคืบหน้ามากที่สุด ซึ่งตั้งเป้าให้การเจรจาคืบหน้าได้เกินครึ่งทางภายในปีนี้ เพื่อสรุปผลการเจรจาภายในปี 2567 ทั้งนี้ จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรอบต่อไป ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2567 ณ กรุงปักกิ่ง
ทั้งนี้ ในปี 2565 การค้าระหว่างอาเซียนกับจีน มีมูลค่า 715,156.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6.70% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยอาเซียนส่งออกของไปจีน มูลค่า 288,920.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาเซียนนำเข้าจากจีน มูลค่า 426,235.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2566) การค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่า 78,916.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปจีน มูลค่า 26,333.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีน มูลค่า 52,583.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์