ฮั่วชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงเมื่อวันศุกร์ (10 พ.ย.) ว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน จะเดินทางไปนครซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย. นี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจีน-สหรัฐ (China-U.S. summit meeting) และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (the 30th APEC Economic Leaders’ Meeting) ตามคำเชิญของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ
ทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะจัดการเจรจาระดับทวิภาคีแบบพบหน้ากันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันที่ 15 พ.ย. นอกรอบการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่ซานฟรานซิสโก
ไบเดนหวังให้ผู้นำจีนจะเข้าร่วมการประชุมเอเปค 2023 ซึ่งสหรัฐเป็นเจ้าภาพ เพื่อจะได้มีการพบหารือนอกรอบ ต่อจากการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ “จี20” ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นความหวังฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งได้ประสบความตึงเครียดตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากสหรัฐยิงบอลลูนของจีนที่ล่วงล้ำน่านฟ้าสหรัฐ โดยกล่าวหาว่าเป็นบอลลูนสอดแนม ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของสหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐและจีนยังมีประเด็นความขัดแย้งทางการค้าและกรณีไต้หวัน
การเดินทางเยือนสหรัฐในวันที่ 14-17 พ.ย.ของปธน.สีในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางเยือนในเดือนเม.ย.2560 และเป็นการพบกันครั้งแรกของปธน.ไบเดนและปธน.สี หลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้พบปะกันในเดือนพ.ย.2565 นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย
คาดว่าในการพบกันในวันที่ 15 พ.ย. ผู้นำสหรัฐและจีนจะหารือกันในหลากหลายประเด็น นับตั้งแต่ไต้หวัน, ทะเลจีนใต้, การค้าเซมิคอนดักเตอร์, สิทธิมนุษยชน, สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
การประชุมเอเปค 2023 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนสําหรับทุกคน” เป็นเวทีสําคัญสําหรับสหรัฐ ในการพัฒนานโยบายเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่เสรี เป็นธรรม เปิดกว้าง และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ครอบคลุมเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค 21 ประเทศคิดเป็นเกือบร้อยละ 40 ของประชากรโลก เกือบร้อยละ 50 ของการค้าโลก และมากกว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกสินค้าของสหรัฐ