กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปคบ. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ ,พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล รรท.ผกก.3 บก.ปคบ., พ.ต.ท.เทพรัตน์ ศุกระกาญจน์ , พ.ต.ท.ธงฉาน ตันบุญเจริญ รอง ผกก.3 บก.ปคบ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วัลลภ นุชกำบัง, พ.ต.ท.ชณิตพงศ์ ศิริเวช, พ.ต.ท.ภูมิพัฒน์ บัวรัตนกุล, ร.ต.อ.ธนภูมิ ศักดิ์ประศาสน์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการของ กก.3 บก.ปคบ. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ สมอ.
พร้อมตรวจยึดของกลาง ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ พร้อมชิ้นส่วนและอุปกรณ์การผลิตท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ รวม 954 หน่วย
สถานที่ตรวจค้น ในพื้นที่ 11 จังหวัด ประกอบด้วย
1.กรุงเทพมหานคร 2.ปทุมธานี
3.นนทบุรี 4.สระบุรี
5.สมุทรปราการ 6.สมุทรสาคร
7.นครปฐม 8.นครราชสีมา
9.ประจวบคีรีขันธ์ 10. นครสวรรค์
- สกลนคร
พฤติการณ์ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ทุกหน่วยเร่งรัดกวดขันจับกุมการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถในทางสาธารณะทุกช่องทาง ซึ่งในห้วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. เป็นห้วงเข้าสู่เทศกาลสำคัญๆต่าง และเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้จัดทริป ที่เคยเป็นกระแสสังคมว่าก่อความเดือดร้อนรำคาญของรถจักรยานยนต์กว่า 1,000 คัน ในปีที่ผ่านมา โพสต์เตรียมจัด ทริปอีกครั้งในปีนี้ เป็นโอกาสในการนัดรวมตัวกันแต่งรถซิ่งและนำไปขับขี่ในลักษณะแข่งรถในทางสาธารณะ อันจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อทั้งเยาวชน ผู้ปกครอง ผู้ใช้ทาง และประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการช่วยป้องกันปัญหาดังกล่าว กก.3 บก.ปคบ. จึงได้ระดมกำลังทุกชุดปฏิบัติการทำการสืบสวนและลงพื้นที่ตรวจค้นจับกุมอย่างครบวงจร ตั้งแต่สถานที่ผลิต โกดังรอกระจายสินค้า รวมถึงร้านจำหน่าย ร้านซ่อม และร้านดัดแปลงแต่งซิ่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
ผลการตรวจค้น ตรวจค้นยึดท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ที่ไม่มี มอก.พร้อมชิ้นส่วนและอุปกรณ์การผลิตท่อไอเสียรวมทั้งหมด 954 หน่วย รวมมูลค่าของกลางกว่า 2 ล้านบาท จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3.บก.ปคบ. ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาตัวเจ้าของ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหา ทำหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหรือนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อไป
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ พบว่ามีกลุ่มผู้ผลิตท่อไอเสีย ที่ไม่มี มอก.ส่วนใหญ่จะเปิดขายผ่านทางช่องทางออนไลน์อยู่ในกลุ่มปิด เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่โดยจะแยกชิ้นส่วนต่างๆ ไว้ เมื่อมีลูกค้าสั่งถึงจะนำมาประกอบส่งขาย มีราคาตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึง 6,000 บาทต่อใบ
ส่วนประเด็นน่าสนใจจากการจับกุมครั้งนี้พบว่า ผู้ผลิตท่อไอเสียบางรายได้ทำการแอบอ้างเครื่องหมาย มอก. โดยผู้ผลิตดังกล่าวได้ทำการขออนุญาตผลิตท่อไอเสียจาก สมอ. เมื่อได้รับใบอนุญาตในการผลิตมาแล้ว ผู้ผลิตรายดังกล่าวกลับทำการดัดแปลงและผลิตท่อไอเสียที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน ที่เคยได้ขออนุญาตไว้กับทาง สมอ. ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่าซื้อท่อไอเสียที่ได้รับรอง มอก. อย่างถูกต้องมาใช้งาน สำหรับท่อไอเสียเหล่านี้ จะสังเกตได้ถ้าเป็นท่อไอเสียที่ถูกต้องจะมี ตรา มอก.ประทับอยู่ที่ตัวท่อ และท่อไอเสียจะมีเสียงดังไม่เกิน 95 เดซิเบล.
เตือนภัย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ขอฝากประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนหากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนำไปสู่การแข่งรถในทางหรือความผิดอื่นที่เกื่ยวข้อง หรือการสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 หรือ ส่งคลิปวีดีโอแจ้งข้อมูลเบาะแสที่เกี่ยวข้องให้ตำรวจทราบ ในช่องทางเพจเฟสบุ๊คศูนย์โซเซียลมีเดีย ศปก.ตร. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และหากต้องการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการลักลอบผลิต จำหน่าย ท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ไม่มี มอก.) สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. โทร 1135 หรือ ผ่านทางเพจเฟสบุ๊ค “ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค” หรือทางเพจ “กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค”เพื่อป้องกันและปราบปรามให้การกระทำความผิดแข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องให้หมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน