17 พฤศจิกายน 2566 ทำเนียบ – โฆษกรัฐบาล เผยไทยมุ่งขยายมูลค่าการส่งออก ผลักดันการเจรจา FTA ส่งเสริมการผูกสัมพันธ์ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการตลาดสินค้าบริการ และ Soft Power คาดปี 2567 ส่งออกไทยขยายตัวกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดนโยบายเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยหนึ่งในปัจจัยผลักดันคือขยายตลาดการส่งเสริมการส่งออก คาดสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จะมีอัตราการเติบโตในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2567 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 1.99% คิดเป็นมูลค่า 287,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดทำแผนเร่งผลักดันการส่งออกในการสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย ด้วยการดำเนินการของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ประกาศแผนการทำงาน quick win ซึ่งจะดำเนินงานผ่านการสร้างโอกาสทางการค้าสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น จีน ตะวันออกกลาง ฯลฯ พร้อมรักษาตลาดเดิมด้วยการผลักดันการเจรจา FTA กับคู่เจรจา พร้อมขยายความร่วมมือทางการค้ากับเมืองรองต่างๆ รวมถึงการบูรณาการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำงานเชิงรุกในการเชื่อมสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลกทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมการส่งออก Soft Power ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการของไทยในกลุ่มต่าง ๆ เช่น อาหาร มวยไทย ท่องเที่ยว ด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งผนวกการค้าและการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ได้แก่ การนำสินค้าไทยไปให้บริการบนเครื่องบินการบินไทย การขับเคลื่อนให้ภาครัฐเป็นรัฐบาลดิจิทัล และปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เช่น อุตสาหกรรมสีเขียว และการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังได้จัดทำแผนยกระดับด่านการค้าชายแดน โดยจะขับเคลื่อนผ่านยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพของด่านชายแดนและการจัดตั้งศูนย์บริการการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service: OSS) ใน 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกต่อการส่งออกสินค้า ซึ่งเมื่อการดำเนินการทุกปัจจัยเป็นไปตามแผนที่กำหนด
“นอกจากการขยายตลาด นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวก ด้านการส่งออกให้ผู้ประกอบการไทยให้สามารถส่งออกสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุน รวมทั้งสนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก ส่งเสริมสินค้า บริการ ไทยสู่ตลาดใหม่ ขยายตลาดการค้าการลงทุนผ่านการเจรจาเชิงรุก พร้อมรักษาตลาดเดิมด้วยการยกระดับความร่วมมือ ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากเป็นไปตามการดำเนินการทุกทางที่รัฐบาลกำหนดนี้ ตัวเลขการค้าจะเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์อย่างแน่นอน ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน เพิ่มรายได้ให้แก่พี่น้องคนไทยมากขึ้น” นายชัย กล่าว