วันนี้ (24 พ.ย. 66) เวลา 11.00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. และพล.ร.ท.ดนัย สุวรรณหงส์ ผู้อำนวยการศูนย์ยุทธการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล.) ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติทลายเครือข่ายลักลอบขนถ่ายน่ำมันเขียวผิดกฎหมาย กว่า 23 ล้านลิตร ปรับกว่า 2,700 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า โครงการจำหน่ายน้ำมันเขียว คือการจำหน่ายน้ำมันดีเซลให้กับชาวประมงในราคาถูก โดยผลิตมาจากโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต และ
เงินนำส่งกองทุนต่างๆ ของกระทรวงพลังงาน ตามมติครม. เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2543 ซึ่งจะทำให้น้ำมันเขียวที่ขายกันอยู่กลางทะเล มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลที่ขายอยู่บนบก เพื่อให้ต้นทุนการทำประมงถูกลง และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่เนื่องจากเกิดปัญหาร้องเรียนว่ามีขบวนการลักลอบนำน้ำมันเขียวเข้ามาขนถ่าย และขายในเขตน่านน้ำภายในทะเล อาณาเขตฝั่งอ่าวไทย รวมถึงแอบขนถ่ายให้กับเรือโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้ใช้น้ำมันบนฝั่งซึ่งไม่ได้รับการยกเว้นภาษี อีกทั้งยังส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มพี่น้องเรือประมงที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ไม่มีน้ำมันเขียวเพียงพอที่จะเติมได้
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวน เมื่อประมาณกลางปี 2565 ได้ตรวจสอบพบว่ามีเครือข่ายผู้ค้าน้ำมันเขียวให้กับเรือประมงนอกเขตต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินการตั้งคณะพนักงานสืบสวนตรวจค้นสถานที่กระทำความผิด บริเวณเขตน่านน้ำภายใน ทะเลอาณาเขต และเขตต่อเนื่องฝั่งอ่าวไทย พบน้ำมันเขียวที่มีมีการลักลอบขนถ่าย ปริมาณ 23,231,700 ลิตร คิดเป็นมูลค่าปรับสูงสุดกว่า 2,700 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีกับ กลุ่มเครือข่ายลักลอบขนถ่ายน้ำมันดีเซลที่นำไปจำหน่ายในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร(น้ำมันเขียว) โดยผิดกฎหมาย โดยกล่าวหาว่าร่วมกันขนถ่ายสินค้าในเขตต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร และเคลื่อนย้ายสินค้าออกไปจากยานพาหนะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร
เบื้องต้นผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ และมีบางส่วนยังให้การปฏิเสธ