เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พาผู้เสียหายกว่า 20 รายเข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อตรวจสอบแฟรนไชส์ขนส่งจีนชื่อดัง อักษรย่านนำหน้า “บ” ย่านบางนา ปัจจุบันมี 100 กว่าสาขาทั่วประเทศ ว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่
นายสมชาย อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนติดต่อไปขอซื้อแฟรนไชส์เมื่อปี 63 ทางบริษัทอ้างว่าจะให้เงินสนับสนุน 8 เดือน แต่พอถึงเวลากลับให้แค่เดือนครึ่ง ซึ่งในช่วงหลังๆ ตนต้องออกเงินเอง และทางบริษัทเปลี่ยนนโนบายการบริหารเรื่อยๆ อีกทั้งใน 1 ปี เปลี่ยนผู้บริหารไปถึง 4 ครั้ง
ในเรื่องของเงินประกันทุกสาขาจะต้องจ่ายเงิน 4 แสนบาท ต่อสาขา แต่พอเกิดปัญหานี้บางคนทำเรื่องขอเงินคืน ซึ่งตามที่ตกลงไว้ต้องได้เงินคืนใน 90 วัน แต่ก็ไม่ได้คืน
ในเรื่องของพัสดุคือทางบริษัทไม่มีการแจ้งล่วงหน้าทำให้มีปัญหาเรื่องรถในการขนส่ง และปัญหาเรื่องพัสดุตกค้างเพราะพัสดุบางส่วนเป็นอาหาร ซึ่งแฟรนไชส์อื่นก็มีปัญหาในกรณีเดียวกันทั้งหมด ตนเองลงทุนหมดไปกว่า 100 ล้านบาท ตอนนี้มูลค่าความเสียหายทั้งหมดรวมกว่า 300 ล้านบาท
ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ตนพาผู้เสียหายมาร้องกองปราบให้ตรวจสอบบริษัท เนื่องจากบริษัทเป็นระดับต้นๆ ของประเทศไทย ตนอยากให้ตรวจสอบว่าถูกต้องตามที่จดทะเบียนขออนุญาตธุรกิจแฟรนไชส์ไว้หรือไม่ มีการใช้ทุนฟอกเงินหรือไม่ และจะเป็นภัยกับเศรษฐกิจหรือไม่ ตนเชื่อว่าตำรวจไทยสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งตอนนี้มีทั้งพยานบุคคล และพยานหลักฐาน ในส่วนของจิตใจผู้เสียหาย บางคนจะฆ่าตัวตายเนื่องจากเงินทุนหมด สิ้นเนื้อประดาตัว
เบื้องต้นนายเกรียงศักดิ์ และผู้เสีย เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.)เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป