“…การลาออกของ ท่านอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่ประชุมไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น ทุกคนเสียใจ ขอให้ ท่านอาจารย์อภิสิทธิ์ และอดีตสมาชิกทุกท่านให้กลับมาช่วยพรรคไม่ช้าก็เร็ว ; ผมคิดว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคท่านก็รู้ว่าย่อมมีเสียงครหา วิจารณ์อย่างหนัก การที่ยอมกลับมานำพรรคตามข้อเสนอของ สส.ย่อมต้องมีเหตุผล ที่ยอมแม้แต่ละลายตัวเองเพื่อฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ ; นายเฉลิมชัยเป็นบัณฑิตลูกพ่อขุนรามคำแหงได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ; ผมเป็นลูกพ่อขุนคนหนึ่งขอให้กำลังใจในการนำพรรคให้เดินหน้าต่อไปและขอให้กำลังใจ มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ผู้นำการเมืองหญิงรุ่นใหม่ ให้เข้มแข็งและเป็นผู้นำพรรคในอนาคต…”
วันที่ 11 ธันวาคม 2566 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า “ต้องขอบคุณเสียงสะท้อนของประชาชนทุกท่านเพราะนี่คือสิทธิเสรีภาพ ไม่มีใครมาปิดปากประชาชนได้ พรรคไม่ได้เป็นมรดกของตระกูลใด มีกฎหมายบังคับให้ปฏิบัติ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคผ่านไปแล้ว สมาชิกก็ต้องปฏิบัติตามมติพรรค ผมไม่อาจพูดสิ่งใดให้องค์กรเสียหายได้ เพราะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคได้สอนไว้อย่างนี้”
การที่สังคมมีการวิจารณ์ถึงคำพูดของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคที่เคยพูดเรื่องเลิกเล่นการเมือง ถ้าได้ สส.ต่ำกว่าเดิม 52 คนในขณะเป็นเลขาธิการพรรคนั้น คนเป็นแม่ทัพก็ต้องปลุกระดมสมาชิกให้ฮึกเหิมสู้ศึกท่ามกลางสงครามการเมืองและการช่วงชิงการดูด สส.จากพรรคที่มีทุนและมีอำนาจรัฐ เมื่อผิดพลาดก็มิอาจปฏิเสธและน้อมรับคำวิจารณ์
การที่ สส.พรรคประชาธิปัตย์ 21 คนมีมติเอกฉันท์ขอให้ นายเฉลิมชัย กลับมานำพรรคก็เป็นเรื่องของพรรค ถ้ามีองค์ประชุมไม่ล่มเมื่อ 2 ครั้งก่อน นายนราพัฒน์ แก้วทอง เพื่อนผมอาจได้เป็นหัวหน้าพรรคไปแล้ว และเมื่อมีการประชุมครั้งที่ 3 สมาชิกเลือกตั้งให้ นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับ บางท่านไม่ชอบใจ แล้วจะให้ทำอย่างไร
การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคทุกครั้งที่ผ่านมา ย่อมทั้งคนดีใจ เสียใจ ผิดหวังสมหวังเป็นธรรมดา บางท่านหาเสียงไม่ว่าแพ้ชนะก็จะไม่มีวันลาออกจากพรรคเด็ดขาด(ฮา) เป็น สส.ได้เพราะพรรค เกิดจากพรรค ขอตายที่ประชาธิปัตย์(ฮา) ผมได้ยินเป็นประจำและเข้าใจดีว่า ทุกท่านที่ต่างมีเข็มทิศทางการเมืองของตนเอง แต่เมื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคผ่านไปแล้วก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค บางสมัยมี สส.ลงชื่อเพื่อให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ก็ระงับไว้ อดีตหัวหน้าบางท่านก็บอกให้เป็นไปตามหลักการ เมื่อนายเฉลิมชัยได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค บางท่านกลับไม่ยอมรับ หลายท่านลาออกจากสมาชิก
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเข้าใจเหตุผลในวันนี้ของแต่ละคน
ยิ่งยามที่พรรคตกต่ำอย่างหนักในขณะนี้ บางท่านก็สบประมาทว่าสมัยหน้าจะสูญพันธุ์ ผมเป็นสมาชิกพรรค ผมก็รู้หน้าที่ว่าต้องช่วยกันฟื้นฟูพรรค ลบคำสบประมาท ให้เดินไปข้างหน้าอย่างไร เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชนเท่าที่จะทำได้
การลาออกของท่านอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่ประชุมไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น ทุกคนเสียใจ แต่ท่านก็พูดทิ้งท้ายที่สำคัญว่าพร้อมจะกลับมาช่วยพรรคในอนาคตซึ่งผมเชื่อว่าท่านหัวหน้าพรรคก็ต้องไปขอให้ท่านอาจารย์อภิสิทธิ์และอดีตสมาชิกทุกท่านให้กลับมาช่วยพรรคไม่ช้าก็เร็ว ผู้ชนะต้องยื่นมือโอบอุ้มทุกฝ่ายให้สามัคคีกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าใช้วาจาโวหารเชือดเฉือนกัน อย่าทะนงตน ซึ่งผมก็จะรอเพื่อนๆ ที่ลาออกไปอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน ไม่ให้พรรคอื่นมาดูถูกได้
ผมคิดว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคท่านก็รู้ว่าย่อมมีเสียงครหา วิจารณ์อย่างหนัก การที่ยอมกลับมานำพรรคตามข้อเสนอของ สส.ย่อมต้องมีเหตุผล ที่ยอมแม้แต่ละลายตัวเองเพื่อฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้
กาลเวลาและการกระทำของหัวหน้าพรรคเพื่อให้พรรคประสพความสำเร็จตามอุดมการณ์ของพรรคเท่านั้น ที่จะพิสูจน์ในทุกคำครหา สังคมและประชาชนจะตัดสินหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ในที่สุด
นายเฉลิมชัยเป็นบัณฑิตลูกพ่อขุนรามคำแหงได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่
ผมเป็นลูกพ่อขุนคนหนึ่งขอให้กำลังใจในการนำพรรคให้เดินหน้าต่อไปและขอให้กำลังใจ มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ผู้นำการเมืองหญิงรุ่นใหม่ ให้เข้มแข็งและเป็นผู้นำพรรคในอนาคต
ส่วนการที่ผู้ใหญ่ของพรรคออกเตือนว่าอย่าเอาพรรคไปหากิน นั้นแสดงว่า ในอดีตอาจเคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนแล้วก็ได้