ด้วยเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2558 เกิดเหตุการณ์ ผู้อำนวยการกองคลัง ระดับ ซี 7 ของอบต.แห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตรถูกไล่ออก ด้วยมีหน้าที่รับชำระหนี้
เงินยืมตามโครงการเศรษฐกิจชุมชน แล้วไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีโครงการ และไม่ทำการบันทึกบัญชีรายรับ-จ่าย ก่อความเสียหายต่อรัฐหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่รับเงิน เบิกจ่ายเงิน ฝากเงิน เก็บรักษาเงินที่ได้รับชำระหนี้ตามโครงการเบียดบังเอาเงินเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผกก.4 บก.ปปป.) พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในกรณีดังกล่าวนี้ เนื่องจากได้รับประสานหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จากสำนักงาน ป.ป.ท. มาอีกส่วนหนึ่งว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี
ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป. นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. ,พ.ต.ท.ไสว จันทร์มา สว.กก.4 บก.ปปป. และ พ.ต.ต.อัครพล ปัทมานุสรณ์ สว.กก.4 บก.ปปป. พร้อมพวก ลงสืบสวนติดตามจนพบว่า นางสาวเอ(นามสมมติ) อดีตเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลบหนีซุกซ่อนอยู่ที่วัดในจังหวัดใกล้เคียงมากว่า 8 ปี จึงได้นำชุดจับกุมสนับสนุนโดย นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ เขต 6 ร่วมกันบุกรวบคาวัด แสดงหมาย ยืนยันตัวบุคคลชัดเจนแล้วรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจริง
ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวว่า นางสาวเอ มาอาศัยอยู่โดยอ้างว่าตนเคยเป็นผู้อำนวยการกองคลังที่ได้โกงเงินไปจริง ชดใช้เงินคืนให้จนครบแล้ว แต่ยังต้องถูกดำเนินคดีอาญาและทางวินัยอยู่ จึงหลบหนีมาอาศัยวัด และเปลี่ยนชื่อหนีการดำเนินคดีอาญา ปกปิดตัวเอง สุดท้ายยังไม่มีงานทำ เชื่อว่าหากช่วยเหลือวัด จะดวงดีขึ้น และไม่ถูกจับ อ้างอีกว่าตนเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวงนี้ ยังมีผู้ได้รับผลประโยชน์อีกหลายคนยังคงลอยนวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จะได้สืบสวนจับกุมต่อไป ก่อนนำส่ง สภ.พรหมพิราม พื้นที่จับกุม เพื่อส่งศาลอาญาคดีทุจริคภาครัฐ ภาค 6 จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งในการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในภาครัฐ บก.ปปป. ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นคว่มเสียต่อรัฐที่มีจำนวนมาก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเที่ยงตรง ยุติธรรม และความเชื่อมั่นของประชาชน หากพบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งมายังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โทร. 02-1919191 สายด่วน ป.ป.ช. 1205 (สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ), สายด่วน ป.ป.ท. 1206 (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) และ สายด่วน ป.ป.ง. โทร. 02-2193600 (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)