กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.สมชาย ศรพล , พ.ต.ท.จำนาญ จันทร์เทศ รอง ผกก.4 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย , พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม
1.นางสาวพิมพ์นาราฯ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4571/2566 ลง 5 ธ.ค.66
2.นางชญาภาฯ อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4570/2566 ลง 5 ธ.ค.66
ฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหมู่ 4 ถ.สุคนธาภิรมย์ ต.ระโนด อ.ระโนด จ.สงขลา
พฤติการณ์ เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 ผู้เสียหาย จำนวน 16 คน ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ด้วยเหตุเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2562 ได้มีผู้ต้องหา ซึ่งใช้เฟสบุ๊ค ชื่อ “พิมพ์นารา จันทร์ศรี” มีผู้ติดตามกว่า 14,000 คน ทำการโพสต์ข้อความชักชวนร่วมลงทุน ส่งออกยางพารา โดยอ้างว่าได้รับสัมปทานจากการยางแห่งประเทศไทย มีการประกอบธุรกิจในนามบริษัท พาราไทย ส่งออก จำกัด โดยมีการโพสข้อความและรูปภาพการทำธุรกิจต่างๆ อาทิเช่น การเข้าร่วมประชุมงานทั้งกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชน การลงพื้นที่ทำงาน แสดงศักยภาพในการทำธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โพสรูปหนังสือคำสั่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องแต่งตั้งผู้ต้องหาเป็นที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ และอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมาโดยตลอด กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อการเชิญชวนของผู้ต้องหา จึงได้โอนเงินไปร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา จนเมื่อเดือนกันยายน 2566 ผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนและเงินลงทุนคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงิน 130,737,974.32 บาท
จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทราบว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ คือ นางสาวพิมพ์นาราฯและนางชญาภาฯ ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ได้ร่วมกันจัดตั้ง บริษัท พาราไทย ส่งออก จำกัด ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการขายส่งยางพาราและพลาสติก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทไม่มีการประกอบกิจการจริงแต่อย่างใด อีกทั้งไม่เคยได้รับสัมปทานใดจากการยางแห่งประเทศไทย ผู้ต้องหาสร้างความน่าเชื่อถือโดยการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางสื่อโซเชียลออนไลน์ มีการชักชวนให้มาร่วมลงทุนในธุรกิจขายส่งยางพาราเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60- 80 ต่อปี และโครงการจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 20.74 ในระยะเวลา 19 วัน ซึ่งเป็นการเสนอให้ผลตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และจากการตรวจสอบเส้นทางเงินของผู้ต้องหา ทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์ นำเงินที่ได้จากผู้เสียหายมาหมุนเวียนจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหายรายอื่นๆ และนำไปใช้จ่ายส่วนตัวโดยมิได้นำมาประกอบธุรกิจจริงแต่อย่างใด
ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. โทร.0824516966
ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน เตือนภัย ฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อคนร้ายที่หลอกลวงชักชวนให้ร่วมลงทุน โดยเสนอให้ผลตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจดังกล่าวอย่างละเอียด โดยควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการลงทุน และขอให้สันนิษฐานไว้เลยว่า ท่านอาจกำลังถูกหลอก หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการหลอกลงทุน สามารถแจ้งเบาะแสได้ผ่านช่องทาง FB : ตำรวจสอบสวนกลาง