วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมจับหนุ่มลองดี อ้างชื่อผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลอกผู้เสียหายวางเงิน ช่วยวิ่งเต้นคดีได้

Related Posts

จับหนุ่มลองดี อ้างชื่อผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลอกผู้เสียหายวางเงิน ช่วยวิ่งเต้นคดีได้

พลตำรวจตรี มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการป้องกันและปราบปราม แถลงผลการปฏิบัติการรวบหนุ่มแอบอ้างผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางวิ่งเต้นคดีล้วงเหยื่อสูญเงินกว่า 4.5 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้ ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งถูกดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดในความผิดฐานฉ้อโกง และอยู่ระหว่างต่อสู้คดีในชั้นศาล ต่อมา นายพรหมพร หรือ นายณฐพนธ หรือ พัฒน์ อายุ 35 ปี ได้อ้างกับผู้เสียหายว่าตนทำงานที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. สามารถช่วยดำเนินการ little คดีและยื่นขอประกันตัวรวมทั้งขอถอดกำไร EM ได้ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4
ต่อมาผู้เสียหายได้ต่อสู้ตามขั้นตอนของศาลและได้รับการประกันตัว แต่นายพัฒน์ได้แอบอ้างว่าเป็นผลมาจากการวิ่งเต้นคดีของตนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าสามารถวิ่งเต้นคดีได้จริง และใช้คำพูดหว่านล้อมโน้มน้าว พร้อมเรียกค่าใช้จ่ายในการวิทคดีฉ้อโกงเป็นจำนวนเงิน 3,750,000 บาท

จากนั้นผู้เสียหายรู้ตัวว่า ตนถูกดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งนายพัฒน์ ใช้วิธีการแบบเดิมว่าสามารถวิ่งเต้นคดีได้ จึงได้เรียกเงิน 500,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการในการวิ่งเต้นคดี รวมมูลค่าความเสียหายที่นายพัฒน์หลอกลวงผู้เสียหายเป็นจำนวนเงิน 4,250,000 บาท กระทั่งผู้เสียหายมาทราบภายหลังว่าถูกหลอกจึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.สารภี จังหวัดเชียงใหม่

จากนั้นชุดสืบสวนได้ติดตามตัวจนทราบว่า นายพัฒน์ จะขับรถเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าลงใต้ไปตามถนนพระราม 2 ในวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ตำรวจทางหลวงจิตตั้งด่านสกัดจับตัวไว้ได้ก่อนควบคุมตัวนายพัฒน์ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบประวัติคดีอาญา ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า นายพัฒน์ ผมว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง , พ.ร.บ.เช็ค และอื่น ๆ มากกว่า 20 คดี โดยแผนทศกัณฐ์จากการตรวจสอบแบ่งได้ 3 กรณี
กรณีที่ 1 ผู้ต้องหาได้หลอกลวง บ่ได้ทำการสั่งจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้จ่ายเงินให้ไป ต่อมาจึงทราบว่าไม่มีการซื้อตั๋วเครื่องบินจริงตามที่ตกลงกันไว้
กรณีที่ 2 ผู้ต้องหาได้ออกเช็คชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย เมื่อถึงกำหนดเมื่อทำเช็คหมายเลขเก็บเงินจากธนาคารปรากฏว่าธนาคารเป็นสื่อการจ่ายเงิน
และกรณีที่ 3 คือการอ้างว่าสามารถช่วยเหลือวิตติคดีได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รับคนใดมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับนายพัฒน์ และในชั้นจับกุมนายพัฒน์ให้การรับสารภาพไม่หมด โดยยอมรับแค่ครั้งที่เรียกเงินผู้เสียหายแค่ 500,000 เพียบเท่านั้น ส่วนครั้งแรกที่มีการเรียกเงิน 3,750,000 บาทนั้นยังคงให้การปฏิเสธ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts