นักวิทยาศาสตร์จีนจำลองอาวุธพลังงานจลน์ความเร็วสูงที่มีน้ำหนักเพียง 20 กก. สามารถหยุดและทำลายรถถังสหรัฐฯ ได้
ในขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้หลายคนใฝ่ฝันถึงอาวุธสุดไฮเทคที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเลเซอร์ เรลกัน หรือเทคโนโลยีวาร์ป หนึ่งในนั้นที่จีนกำลังสนใจในการพัฒนาคือ อาวุธพลังงานจลน์ (Kinetic Power Weapon)
โดยผลการวิจัยล่าสุดของจีนในการทดสอบโดยละเอียดเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างความเสียหายของอาวุธพลังงานจลน์ต่อรถถังและยานเกราะของกองทัพสหรัฐฯ พบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำลายรถถังสหรัฐฯ ได้ในนัดเดียว
นั่นคือข้อสรุปที่นักวิทยาศาสตร์จีนได้จากการประเมินอาวุธพลังงานจลน์ผ่านการทดลองและการจำลองเชิงตัวเลข
พวกเขาพบว่า หากยิงวัตถุทรงกลมแข็งซึ่งมีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม เข้าใส่เป้าหมายด้วยความเร็วประมาณ 4 เท่าของความเร็วเสียง อาจก่อให้เกิดหายนะสำหรับรถถังขั้นสูงที่ผลิตตามมาตรฐานกองทัพสหรัฐฯ
พลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นในการยิงกระสุนดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 25 เมกะจูล ซึ่งอาจดูไม่น่าเป็นไปได้ที่พลังงานจำนวนเล็กน้อยเช่นนี้จะรบกวนหรือทำลายรถถังขั้นสูงที่มีน้ำหนักประมาณ 40-60 ตันและได้รับการปกป้องด้วยเกราะหนาได้
แต่ทีมวิจัยที่นำโดย หวง เจี๋ย จากสถาบันวิจัยแอโรไดนามิกความเร็วสูงของศูนย์วิจัยและพัฒนาทางอากาศของจีน ค้นพบระหว่างการจำลองว่า แม้ภายนอกรถถังอาจดูไม่ได้รับความเสียหาย แต่การทำงานภายในกลับได้รับความเสียหายชนิดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากคลื่นกระแทกที่เกิดจากความเร็วและพลังงานจลน์ของกระสุนจะทำให้ชิ้นส่วนรถถัง เช่น สลักเกลียว เกิดความเครียด และทำให้เกิดการบิดเบี้ยวหรือแตกหักได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาพบว่า สลักเกลียวที่เชื่อมต่ออุปกรณ์สำคัญเข้ากับผนังห้องโดยสารด้านในอาจแตกหักได้ แม้ว่าลูกเรือจะรอดชีวิตจากการโจมตี แต่พวกเขาจะไม่สามารถทำให้รถถังกลับสู่สถานะพร้อมต่อสู้ได้
การค้นพบของทีมวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2023 ในวารสาร Equipment Environmental Engineering และได้รับการตรวจสอบซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว
สถาบันวิจัยแอโรไดนามิกความเร็วสูงเป็นศูนย์กลางสำหรับการพัฒนาอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง ซึ่งเป็นอาวุธที่เดินทางด้วยความเร็วเกิน 5 มัค เมื่อเผชิญกับการโจมตีด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ ระบบป้องกันของศัตรูมักจะไม่มีเวลาในการป้องกันหรือตอบสนอง
อาวุธความเร็วเหนือเสียงได้รับการออกแบบมาเพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่ยุทโธปกรณ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น ฐานทัพทหารขนาดใหญ่หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการลดต้นทุน ประเทศต่าง ๆ เช่น จีน กำลังเริ่มพิจารณาใช้อาวุธที่ล้ำสมัยนี้ในสถานการณ์ที่กว้างขึ้น
อาวุธต่อต้านรถถังแบบดั้งเดิมไม่ต้องการความเร็วมากนัก โดยพื้นฐานแล้วพวกมันอาศัยดินปืนในการระเบิดเมื่อโจมตีรถถัง ซึ่งสร้างแรงผลักดันมหาศาลที่จะสร้างความเสียหายต่อบุคลากรและอุปกรณ์ภายใน อย่างไรก็ตาม หากเกราะหนาหรือกระสุนพุ่งไปผิดตำแหน่ง ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก
แต่อาวุธพลังงานจลน์ความเร็วสูงมีศักยภาพที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรงได้แม้จะสัมผัสกับเป้าหมายแบบเฉียด ๆ และวิธีการยิงของพวกมันก็มีความหลากหลาย
ทีมวิจัยระบุว่า ด้านหน้าของรถถังมักได้รับการออกแบบให้มีความทนทานที่สุดและสามารถทนต่ออำนาจการยิงได้มากที่สุด แต่กระสุนพลังงานจลน์ที่พุ่งชนส่วนนี้จะส่งแรงทำลายล้างภายในตัวถัง และอาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อความสามารถในการยิงของรถถัง
“ด้ามจับของคอนโซลกันโคลงของปืนรถถังสามารถหลุดออกได้ ฐานสายไฟของคอนโซลถูกฉีกกระชาก การเชื่อมต่อทั้งหมดระหว่างคอมพิวเตอร์ควบคุมการยิงและป้อมปืนถูกตัดขาด ส่งผลให้สูญเสียอำนาจการยิงอย่างมาก” นักวิจัยกล่าว
ทีมงานของ Huang ไม่ได้กล่าวถึงผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่หรือทหารที่อยู่ในรถถังในรายงานของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ตามการศึกษาการจำลองเชิงตัวเลขที่ดำเนินการเมื่อต้นปีนี้โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีต้าเหลียน หากรถถัง M1 ของสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยกระสุนพลังงานจลน์ความเร็วเหนือเสียง 10 เมกะจูลที่เดินทางด้วยความเร็ว 7 เท่าของความเร็วเสียง คนที่อยู่ข้างในอาจได้รับบาดเจ็บ เล็กน้อยจนถึงสาหัส ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติการรบได้ โดยพลขับอาจถึงขั้นเสียชีวิตจากบาดแผลร้ายแรง เนื่องจากกระสุนจะทำให้เกิดการกระแทกที่หน้าอกมากกว่า 60 เท่าของแรงโน้มถ่วงของโลก
นักวิทยาศาสตร์กองทัพเรือจีนอ้างเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า พวกเขาได้ติดตั้งปืนคอยล์กัน (ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบขดลวดเหนี่ยวนำ) และทำการทดสอบการยิงต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว
ปืนคอยล์กันมีความสามารถในการเร่งความเร็ววัตถุให้มีความเร็วที่เหลือเชื่อได้ในพริบตาเดียว ภาพถ่ายของอาวุธใหม่นี้ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียของจีน ก่อให้เกิดการคาดเดาและความตื่นเต้นอย่างมาก
ในขณะที่ปืนคอยล์กันอาจดูไม่ได้เป็นของใหม่อะไรเพราะมีการพัฒนามาตลอด แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารบางคนเชื่อว่า มันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม หากไฟฟ้าเข้ามาแทนที่ดินปืน จะทำให้ความเร็วและพลังงานจลน์ที่ได้รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ฉากทัศน์ของสงครามในอนาคตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป