โลกกำลังจับตามองการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 13 มกราคมนี้ ว่าใครจะได้รับความไว้วางใจจากชาวไต้หวัน ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำคนต่อไป เพราะนั่นหมายถึงการกำหนดอนาคตของชาวไต้หวันที่มีต่อจีนและสถานการณ์ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบไต้หวัน ทั้งบวก และ ลบ โดยผู้สมัครตัวเต็งจาก 3 พรรคหลัก ได้แก่
โหวโหย่วอี๋ นายกเทศมนตรีเมืองนิวไทเป จากพรรคฝ่ายค้าน ก๊กมินตั๋ง (Kuomintang: KMT) ที่มีจุดยืนส่งเสริมความสัมพันธ์กับจีน
ไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีไต้หวัน จากพรรครัฐบาล DPP (หมินจิ้นตั่ง: Democratic Progressive Party) ที่มีจุดยืนต่อต้านการรวมชาติกับจีน
เคอเหวินเจ๋อ อดีตนายกเทศมนตรีกรุงไทเป จากพรรค TPP (ไถวันหมินจ้งตั่ง: Taiwan People’s Party) ที่เน้นประนีประนอม และต้องการความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน
K WEALTH วิเคราะห์การชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ และความสัมพันธ์กับจีน จาก 3 พรรค
• พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) มีสถิติครองตำแหน่งประธานาธิบดีมาอย่างยาวนานหลายสมัย จุดยืน คือ เน้นประนีประนอม โดยมีนโยบาย 3 ไม่ คือ (1) ไม่ใช่การรวมเป็นหนึ่ง (2) ไม่เป็นเอกราช และ (3) ไม่เผชิญหน้าทางการทหาร โดยคงความสัมพันธ์แบบเดิม คือ คลุมเครือกับจีน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนไต้หวันส่วนใหญ่พอใจกับความสัมพันธ์แบบนี้
• พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) เคยชิงตำแหน่งจากพรรคก๊กมินตั๋งและยังดำรงตำแหน่ง 2 สมัยล่าสุด จุดยืน คือ มีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อจีน ต้องการแยกเอกราชไต้หวันออกจากจีนเพื่อเป็นอธิปไตย หากพรรคนี้ได้รับตำแหน่งจะมีโอกาสความขัดแย้งระหว่างไต้หวัน-จีน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
• พรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) พรรคการเมืองใหม่ที่ได้รับคะแนนนิยมสูง จุดยืน คือ เน้นประนีประนอม และประเมินว่าการอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนจะช่วยแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ เนื่องจากไต้หวันมีการพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูง
ขณะที่ท่าทีล่าสุดของจีนต่อไต้หวัน สีจิ้นผิง ปธน.จีน ได้ส่งสัญญาณประกาศชัดเจนว่า การรวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวจีนทั้งหมดบนสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวันจะผูกพันกันด้วยความรู้สึกถึงเป้าหมายร่วมและแบ่งปันความรุ่งโรจน์จากการฟื้นฟูชาติจีน
“เป้าหมายของเรานั้นทั้งเรียบง่ายและสร้างแรงบันดาลใจ โดยเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้ประชาชน ลูกหลานของเราควรได้รับการดูแลและการศึกษาที่ดี คนรุ่นใหม่ของเราควรมีโอกาสแสวงหาอาชีพและประสบความสำเร็จ ประชาชนสูงอายุควรสามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเพียงพอ” ปธน.สี จิ้นผิง กล่าว
ผู้นำจีนยังกล่าวอีกว่า สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญกับทุกครอบครัวและยังเป็นพันธกิจสำคัญสูงสุดของรัฐบาลจีน เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อสิ่งเหล่านี้ โดยทุกวันนี้ประชาชนต่างเผชิญความกดดันมากมายในชีวิตและการทำงานในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เราจึงควรบ่มเพาะบรรยากาศอันอบอุ่นและปรองดองในสังคม ขยับขยายสภาพแวดล้อมการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ครอบคลุมและมีพลวัต สร้างเงื่อนไขการดำรงชีวิตที่สะดวกสบายและดีเยี่ยม เพื่อประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ดึงศักยภาพอันดีที่สุดออกมา และทำความฝันให้เป็นจริง
จีนยุคใหม่จะเดินหน้าการสร้างความทันสมัยอย่างแน่วแน่ ปรับใช้ปรัชญาการพัฒนาใหม่ในทุกด้านอย่างเต็มที่ เร่งรัดการสร้างกระบวนทัศน์การพัฒนาใหม่ พร้อมแสวงหาการพัฒนาและคุ้มครองความมั่นคง ปฏิบัติตามหลักการแสวงหาความก้าวหน้าพร้อมรักษาเสถียรภาพ ส่งเสริมเสถียรภาพผ่านความก้าวหน้า และสร้างของใหม่ก่อนขจัดของเก่า เสริมสร้างรากฐานและความแข็งแกร่งของทิศทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และทำงานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวที่มีเสถียรภาพ ส่งเสริมการปฏิรูปและเปิดกว้างทุกด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพิ่มพูนความเชื่อมั่นในการพัฒนาของประชาชน ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีชีวิตชีวาและทวีคูณ ส่งเสริมการศึกษา สร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถ
“เราจะยังคงสนับสนุนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ในการควบคุมและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งอันโดดเด่น บูรณาการเข้ากับการพัฒนาโดยรวมของจีนได้ดียิ่งขึ้น สร้างความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในระยะยาว โดยชาติจีนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแน่นอน และชาวจีนทั้งหมดบนสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน ควรผูกพันกันด้วยความรู้สึกถึงเป้าหมายร่วมและแบ่งปันความรุ่งโรจน์จากการฟื้นฟูชาติจีน” ปธน.จีน กล่าวและว่าแม้พื้นที่บางส่วนของโลกยังคงเผชิญกับความขัดแย้ง แต่ชาวจีนต่างตระหนักถึงสิ่งที่เรียกว่าสันติภาพ พร้อมจะทำงานกับประชาชนนานาชาติอย่างใกล้ชิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนร่วมของมนุษยชาติ สร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน และสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้นเพื่อทุกคน