อนุ ก.ต.ลงมติ “สราวุธ เบญจกุล” ผิดวินัยร้ายแรง หลังถูกร้องกรณีปรับปรุงศาลพระโขนง-ตลิ่งชัน-มีนบุรี ลงโทษโดยให้ออกจากราชการ เตรียมชง ก.ต.ชุดใหญ่มีมติเป็นทางการต่อไป
มีรายงานว่า วานนี้ (15 มี.ค.65) ที่ประชุมคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อนุ ก.ต.) ได้พิจารณาผลการสอบสวนกรณีนายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ถูกสอบสวนทางวินัยร้ายแรงเรื่องการจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง อาคารศาลจังหวัดตลิ่งชันและอาคารศาลจังหวัดมีนบุรี
ที่ประชุมได้ลงมติว่านายสราวุธผิดวินัย 18 ต่อ 2 เสียง ผิดวินัยร้ายแรง 15 ต่อ 5 เสียง แต่เห็นว่าไม่เป็นการทุจริต 14 ต่อ 6 เสียง
ส่วนประเด็นการลงโทษสถานใดนั้น ที่ประชุมมีมติให้ลงโทษด้วยการให้ออกจากราชการ 13 เสียง และปลดออก 7 เสียง เท่ากับว่าผลของการลงมติคือให้ออกจากราชการ ซึ่งยังมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จบำนาญ
ขั้นตอนหลังจากนี้ อนุ ก.ต. จะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) 15 คน พิจารณาผลเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเป็นหน้าที่ของ ก.ต.ชุดใหม่ เนื่องจาก ก.ต.ชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงในวันที่ 21 มี.ค.นี้
สำหรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลพระโขนง อาคารศาลมีนบุรี และศาลตลิ่งชัน เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. 2562 โดยสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ดำเนินการ เปิดประกวดราคาด้วยวิธีคัดเลือก ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 แต่ก่อนหน้านั้น คือช่วงเดือน ม.ค.2562 บริษัทเอกชนได้ส่งพนักงานเข้าไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ศาลพระโขนงและศาลมีนบุรี ก่อนที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะประกาศราคากลาง และเปิดประกวดราคาด้วยวิธีคัดเลือกในภายหลัง เท่ากับว่ามีการกำหนดตัวผู้รับจ้างไว้ล่วงหน้า ก่อนมีการทำสัญญาจ้าง จนกระทั่งนำมาสู่การตรวจสอบทุจริตในโครงการโดยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีมติว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้างโดยผิดกฎหมายและระเบียบของทางราชการ มีการกีดกันการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ทำให้รัฐเสียหาย เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.