สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กลงในกลุ่มสาธารณะ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีคนกดถูกใจกว่า 300 คน อีกทั้งยังมีการแสดงความคิดเห็นอีกนับร้อยครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบเข้าให้ความช่วยเหลือกรณีดังกล่าว
โดยจากข้อมูลของผู้เสียหายทราบว่า เมื่อประมาณวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ผู้เสียหายได้กู้ยืมเงินจากบัญชี
เฟซบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่ง จำนวน 6,000 บาท โดยมีกำหนดว่าผู้กู้เงินต้องจ่ายดอกเบี้ยลอยวันละ 600 บาท
ก่อนเวลา 16.00 น. ของแต่ละวัน จนครบ 10 วัน หากจ่ายล่าช้าจะถูกปรับชั่วโมงละ 50 บาท และหากปล่อยข้ามวันจะต้องถูกปรับวันละ 500 บาท เมื่อถึงวันที่ 10 โดยผู้เสียหายต้องจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นจำนวนเงิน 6,600 บาท แต่ผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยมาจ่ายได้ทันตามกำหนด
จึงจำเป็นต้องยอมจ่ายแค่ดอกเบี้ยเรื่อยมา โดยเมื่อคำนวนเฉพาะดอกเบี้ยที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่กู้จนถึงวันที่
31 ธันวาคม 2566 รวมเป็นเงินประมาณ 226,920 บาท หรือคำนวณอัตราดอกเบี้ยได้ประมาณ ร้อยละเกือบ 300 ต่อเดือน
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 เร่งติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ปราบปรามแก๊งหนี้นอกระบบอย่างเด็ดขาด
โดย พ.ต.อ.อุกกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนหาจนทราบว่าเจ้าขอเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเครือข่ายแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกโหดในพื้นที่จังหวัดชุมพร ซึ่งมักมีพฤติกรรมโพสต์ชักชวนให้ลูกค้ามากู้เงินผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยเน้นเลือกปล่อยกู้ให้เฉพาะลูกค้าที่เป็นผู้หญิงหน้าตาดีที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร เนื่องจากสามารถติดตามทวงถามได้ง่ายเพราะลูกค้ากลุ่มนี้กลัวที่จะโดนคุกคามและโพสต์ประจานให้อับอาย หากไม่สามารถจ่ายเงินคืนตามเงื่อนไขได้
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดหลังสวน พร้อม
นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ถนนประชาราษฎร์ ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร พร้อมจับกุม
น.ส.ศิริรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 24 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กปล่อยกู้ดังกล่าว ในข้อหา “ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้, ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นเอกสารและแชทหลักฐานเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินนอกระบบอีกหลายรายการ
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้ทำมาประมาณ 1 ปีแล้ว โดยกู้เงินจากแหล่งอื่นเพื่อมาปล่อยกู้ดอกโหดอีกทอดหนึ่ง จากหลักฐานพบว่ามีลูกค้าตกเป็นเหยื่ออีกนับร้อยราย นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าผู้ต้องหาเคยโดนดำเนินคดีกรณีที่นำภาพถ่ายลูกค้าที่ไม่ยอมคืนเงินไปติดประจานในหมู่บ้านอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ว่าที่ พ.ต.อ.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5 และ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5
สั่งการให้ พ.ต.ท.กฤษณพร พืชผล และ พ.ต.ต.กิตติเดช สมวงค์ สว.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันตรวจค้นจับกุม