วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
หน้าแรกอาชญากรรม"ไม่ยอมรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติไม่ยอมให้รื้อ"

Related Posts

“ไม่ยอมรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติไม่ยอมให้รื้อ”

จุดที่ 1 บริเวณเส้นทางขึ้นภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และกู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

“…”ผอ.อี่” ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ถึงอุปสรรคในการเข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริเวณ​ภูทับเบิก-ผาหัวสิงห์ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดหล่มเก่า แต่ชาวบ้านผู้ประกอบกิจการรีสอร์ท ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และไม่ยอมรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ…”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2567 เวลา 09.00 น. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ นายโกเมศ พุทธสอน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผอ.ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจฯ (พญาเสือ)​ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด จำนวน 192 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า สถานีตำรวจภูธรอำเภอหล่มเก่า และศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง เข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริเวณ​ภูทับเบิก-ผาหัวสิงห์ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ตามมาตรา 35(3) แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562​ จำนวน 2 แห่ง คือ 1) ภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และ 2) กู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

อธิบายการดำเนินการตาม ม.35

เมื่อปี 2559 คณะเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ตรวจพบสิ่งปลูกสร้างในเขต อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ลักษณะบ้านกึ่งน็อคดาวน์ พร้อมสิ่งปลูกสร้างอื่นในเขต อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ท้องที่ ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จึงได้เข้าตรวจยึดพื้นที่รวม 1-0-89 ไร่ ตาม ปจว.ข้อ 11 ลว. 25 เม.ย. 2559 เวลา 15.30 น. ณ สภ.หล่มเก่า โดยมี นายบุญพันธ์ สิ่งทอ เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ถูกตรวจยึดดังกล่าว และเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2560 ศาลจังหวัดหล่มเก่าได้พิพากษาตัดสินให้ นายบุญพันธ์ สิ่งทอ จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายป่าไม้ มีโทษจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง และภายหลังกระทำความผิดจำเลยรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างออกจากป่าที่เกิดเหตุ จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าอุทยานแห่งชาติที่เกิดเหตุ

อ่านคำพิพากษาศาลปี 2560

โดยเมื่อปี 2566 คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ตรวจพบสิ่งปลูกสร้าง โดม 4 หลัง แคร่ไม้ไผ่ 15 แคร่ บ้านพักถาวร 4 หลัง แคร่พื้นยิปซั่มพร้อมราวเหล็ก 3 แคร่ ก่อสร้างขึ้นในพื้นที่เดิมที่เคยได้มีการตรวจยึดดำเนินคดีเมื่อปี 2559 ในลักษณะที่พักแบบรีสอร์ต ชื่อ ภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท ลุกล้ำเข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เจ้าหน้าที่ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าตรวจยึดดำเนินคดี เนื้อที่รวม 1-2-69 ไร่ ตาม ปจว. ข้อ 4 ลว. 27 ก.ค. 2566 เวลา 22.41 น. ณ สภ.หล่มเก่า จากการรวบรวมข้อมูลทำให้ทราบว่า นายบุญพันธ์ สิ่งทอ เป็นเจ้าของรีสอร์ตดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ตรวจพบรีสอร์ท ชื่อ กู๊ดวิว ฮอตวิว ภูทับเบิก ซึ่งอยู่ติดกับภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท​ ลักษณะเป็นการสร้างลานกางเต็นท์ พร้อมเสาไฟฟ้าโซล่าเซลล์ รุกล้ำเข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เนื้อที่รวม 0-2-82 ไร่ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2566 อช.เขาค้อ ได้ปิดประกาศคำสั่งอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ที่ 34/2566 ลว. 21 ส.ค. 2566 ให้ นายบุญพันธ์ สิ่งทอ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้พ้น อช.เขาค้อ ภายใน 30 วัน และคำสั่งอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ที่ 35/2566 ลว. 21 ส.ค. 2566 แจ้งให้ผู้กระทำผิด (รายกู๊ดวิว ฮอตวิว ภูทับเบิก) รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ พร้อมแจ้งค่าประมาณการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งติดประกาศสำเนาคำสั่ง ณ ที่เกิดเหตุ ที่ว่าการกำนันตำบลบ้านเนิน ที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า อบต.บ้านเนิน สภ.หล่มเก่า และที่ว่าการจังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 นายบุญพันธ์ สิ่งทอ (ภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท) และ นางสาวสิริยากร แซ่ว่าง (กู๊ดวิว ฮอตวิว ภูทับเบิก) ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ โดยอ้างว่าได้รับมรดกตกทอดพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2555 และพื้นที่ตรวจยึดเป็นพื้นที่ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2509 อยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากพื้นที่มิได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ และอุทยานแห่งชาติเขาค้อจึงได้มีหนังสือนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมเหตุผลประกอบการพิจารณาคำอุทธรณ์ นายบุญพันธ์ สิ่งทอ และ นางสาวสิริยากร แซ่ว่าง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่ 62/2566 และ ที่ 63/2566 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2566 เห็นพ้องกับความเห็นของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ให้ยกอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ทั้ง 2 ราย

ปลัดอำเภอหล่มเก่า เข้าร่วมในการเจรจา

ซึ่งการบุกรุกพื้นที่เพื่อก่อสร้างที่พักและลานกางเต๊นท์​ดังกล่าว เป็นการบุกรุกพื้นที่ซ้ำในพื้นที่ที่ศาลได้เคยมีคำพิพากษาไปแล้ว โดยจากการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินคดี กรณีการบุกรุกพื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ทและที่พัก จำนวน 2 คดี บริเวณสวนสวรรค์ภูทับเบิก และกู๊ดวิว-ฮอตวิว เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 นายบรรจง แซ่ท่อ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 บ้านดอยน้ำเพียงดิน พร้อมด้วยราษฎรบ้านดอยน้ำเพียงดิน จำนวนประมาณ 8 คน เข้าร่วมในการประชุม และชูป้ายข้อความว่า “ชาวบ้านขอคัดค้าน! แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ที่ประกาศทับที่ทำกินชาวบ้าน ต้องถอนออกไปจากที่ทำกินชาวบ้าน เพราะชาวบ้านทำกินก่อนอุทยาน” โดยไม่ยอมรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เนื่องจากเข้าใจว่าทำกินอยู่ในเขตที่กรมพัฒนาสังคมฯ จัดสรรให้ เพราะได้มีการสำรวจร่วมกับราษฎรในพื้นที่ และราษฎรเข้าใจว่าตนได้รับสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ผู้แทนของพัฒนาสังคมฯ จึงได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า เดิมกรมพัฒนาสังคมฯ เคยขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2509 ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จ.พิษณุโลก และ จ.เลย เนื้อที่รวม 175,000 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็นนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา แต่ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาตามกฎหมาย ต่อมาพบว่าในพื้นที่ที่กรมพัฒนาสังคมฯ ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ยังมีสภาพป่าที่สมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2545 พัฒนาสังคมฯ จึงได้มีการเดินสำรวจร่วมกับราษฎรบริเวณภูทับเบิก เพื่อสำรวจพื้นที่ ที่ราษฎรใช้ประโยชน์จริง จึงทำให้เหลือพื้นที่กรมพัฒนาสังคมฯ ขอใช้ใช้ประโยชน์ ใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 13,447 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นป่า เป็นหน้าผาที่มีความลาดชันและราษฎรไม่ได้ใช้ประโยชน์​พื้นที่ ทางพัฒนาสังคมฯ ได้คืนให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้คงเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ต่อไป พร้อมทั้งยืนยันว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกก่อสร้างรีสอร์ตและลานกางเต๊นท์​ทั้ง 2 แห่งดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่กรมพัฒนาสังคมฯ จัดสรรให้ราษฎร​ แต่อย่างใด

นักท่องเที่ยวขอให้เปิดเส้นทางเพื่อลงจากภู

สำหรับการดำเนินการในวันนี้ คณะเจ้าหน้าที่เดินทางถึงบริเวณเส้นทางขึ้นภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และกู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พบกลุ่มราษฎร​จำนวนประมาณ 30 คน รวมตัวกันยืนปิดเส้นทางขึ้น พร้อมถือป้ายข้อความ “ถนนส่วนบุคคลห้ามผ่าน” คณะเจ้าหน้าที่จึงได้เจรจาต่อรองขอเข้าพื้นที่ โดยยื่นข้อเสนอ

1. ขอเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ตาม ม.35(3) แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 แต่ราษฎร​กลุ่มดังกล่าวไม่ยอมให้เข้าพื้นที่

2. ขอนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขึ้นไปพ่นสีเพื่อแสดงแนวเขตของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ และจะยังไม่ดำเนินการรื้อถอนในวันนี้ มีราษฎรบางส่วนเห็นด้วยกับข้อเสนอ แต่สุดท้ายก็ไม่ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปดำเนินการใดๆ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอุทยานฯ กรมพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานฝ่ายปกครองในท้องที่ เพื่อดูแนวเขตร่วมกันในวันหลัง ทั้งที่ในความเป็นจริงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เคยร่วมชี้แนวเขตพื้นที่ร่วมกันแล้ว แต่ราษฎร​ในพื้นที่ไม่ยอมรับ โดยในการเจรจาได้มีปลัดอำเภอ​หล่มเก่า ในฐานะฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าร่วมด้วย แต่ราษฎร​ก็ไม่ยอมรับข้อเสนอ

จึงได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งขึ้นไปบริเวณภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และกู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก เพื่อดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กลับมีกลุ่มราษฎร​จำนวนประมาณ 30 คน เข้าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง​ได้

โดยพฤติการณ์​ของราษฎร​ในวันนี้ จะใช้ผู้หญิงเป็นด่านแรกในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยผู้ชายจะอยู่ด้านใน มีการดื่มสุรา ให้ผู้หญิงเข้าไปแย่งอุปกรณ์​รื้อถอนจากเจ้าหน้าที่ มีการพูดต่อว่าคณะเจ้าหน้าที่ และมีการไลฟ์สดผ่านสื่อออน์ไลน์กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง และพูดว่าให้เจ้าหน้าที่วางอาวุธ​ แต่แท้จริงเป็นเพียงอุปกรณ์​ในการรื้อถอน แต่พูดว่าเป็นอาวุธ​

จากการกระทำดังกล่าว เป็นการหวังเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ การดำเนินงาน ในวันนี้อาจมีการนำเสนอข่าวในเชิงลบ เนื่องจากมีนักข่าวท้องถิ่นเข้าทำข่าว และพบว่าทีมข่าวดังกล่าวได้พักอยู่ที่ภูทับเบิกสวรรค์รีสอร์ท

โดยสรุปภาพรวมการปฏิบัติ​งาน ผอ.สอช. ได้สั่งการให้ดำเนินการ ดังนี้

1. ประสานพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อรวบรวมนำหลักฐานภาพและวิดีโอ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับราษฎรกลุ่มดังกล่าวที่เข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 136 ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และมาตรา 138 ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา

2. รถยนต์​ที่จอดขวางปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ออก ได้สั่งการให้ขนย้ายรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งพนักงานสอบสวน และเมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการอย่างจริงจัง ก็ได้ย้ายรถหนีออกไป​ ทั้งนี้ จะได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรถคันดังกล่าวต่อไป

ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีการเจรจาต่อรอง เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับราษฎร​ จึงไม่ได้บุกเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ด้วยเกรงว่าจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อกรมอุทยานฯ โดยจากการสอบถามพบว่าราษฎร​ที่มาชุมนุมในวันนี้เป็นราษฎรที่มาจากหมู่บ้านอื่น

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิต​อักษร​ ผอ.สอช. ได้มีการเปิดโอกาสในการเจรจาต่อรองเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน พร้อมมีการแบ่งปันอาหารกลางวันและน้ำให้กับราษฎร​ผู้ชุมชุน โดยไม่มีการกระทบกระทั่งกัน แต่อย่างใด

ด้าน นายเสกสรรค์ เที่ยงพลับ หน.อช.เขาค้อ สนับสนุนให้มีการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานของราษฎรที่อยู่อาศัยและทำกินภายในพื้นที่อุทยานฯ ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562​ รวมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชนในพื้นที่อีกด้วย …นาย​ชัยวัฒน์​ กล่าวทิ้งท้าย

อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  (ออส.)

โดย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้รายงานความคืบหน้าการรื้อถอนรีสอร์ตพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริเวณ​ภูทับเบิก-ผาหัวสิงห์ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ตามมาตรา 35(3) แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562​ ให้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  (ออส.) และผู้บริหาร อส. ทุกคนรับทราบ

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ​และสิ่งแวดล้อม ในการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนทำกินได้อย่างมั่นคง สนับสนุนการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่า โดยให้ทำความเข้าใจกับชุมชน ไม่ให้กระทบกับวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชุมชนดั้งเดิม รวมถึงการป้องกัน ดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts