ตอน “ชีวิตจริง…คนจน”!!
แทบทุกบริบทที่เชื่อมโยงถึงปัญหาสังคม…มักจะได้บทเรียน ที่มองเห็นในปัจจุบัน เป็นช่องทางนำมาแก้สิ่งบกพร่อง ที่มีผลกระต่อสังคมส่วนรวม…ได้ง่ายขึ้น
ย่อมได้เนื้อหาในภูมิปัญญา ต่อยอดให้แยกแยะและหยิบยกมาแก้ไขในปัญหานั้นๆ…
ว่าแต่…ใครจะหยิบฉวยมาใช้ เพื่ออะไร??
ชีวิตคู่ของ “ป้าบัวผัน” กับ “ลุงเปี๊ยก” มาลงตัวเป็น “ผัวเมีย” ใช้ชีวิตแร้นแค้นร่วมกันมา…เหมือนละครน้ำเน่า!!
ผัวขี้เมา เมียสมองไม่สมประกอบ….ใช้ชีวิตแร่ร่อน ค่ำไหนนอนนั้น
มีกินมีใช้ตามวิถี….ที่เลือกไม่ได้ ก็ไม่เคยไปสร้างปัญหาให้หนักหัวใคร
ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง…คือรสชาติของการใช้ชีวิต ที่เลือกไม่ได้ ก็ไม่ไปทำความเดือดร้อนใคร หรือ ไปทำให้พวกหัวใจมั่งคั่งความรู้ในกระทรวงหนึ่งกระใด…รำคาญ
ก็ไม่เคยรู้จักและเข้าถึง “เจ้าขุนมูลนาย” ฝ่ายไหน ที่จะหันมามองเห็น…ลุง-ป้า ทั้งสอง ก็ไม่คิดจะไปแบมือขอส่วนบุญจากท่านเธอเหล่านั้น
ลุง-ป้า…เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีใครกล้านับญาติ เพราะเขาเกิดมาบกพร่อง พี่น้องที่ร่วมท้อง ร่วมสายเลือด ก็ไม่กล้าบอกกับใคร
หญิงเร่ร่อนนอนข้างทาง…เป็นญาติพวกเขา หรือคิดจะนำไปบำบัด ให้เธอพ้นทุกข์ ก็มีแต่คนเมินหน้าหนี ทั้งๆ ที่สายเลือดเดียวกัน
ทั้งสองคนผัวเมีย…คงใช้ชีวิตไปตามวิถีของเขา ไม่หนักหัวใครทั้งนั้น!!
มาถึงจุดสุดท้ายของชีวิตป้าบัวผัน…ไอ้เด็กชั่ว ใจทราม ทำร้ายถึงตายอย่างทรมาน ส่วนลุงเปี๊ยก…ถูก “ตำรวจสีดำ” กล่าวหาเป็นคนฆ่าเมีย
กรรมชั่วของทั้งสอง…ไม่เคยกระทำให้ใครเดือดร้อน ข้ามพ้นนรกมา จนหลายฝ่ายยื่นมือช่วยเหลือได้รับความเมตตา เงินทองไหลมาเทมา
ญาติพี่น้อง หลานที่ไม่เคยนับญาติ ต่างยื่นมือเข้าดูแล..น้ำตาไหลพรากกันทั่วหน้า เหมือนละครน้ำเน่า!!
โบราณว่าไว้ ในยามใดก็ตาม… “มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่” นี่แหละชีวิตจริงคนจน
ใครจะหยิบยกฉกฉวยโอกาส นำไปถอดบทเรียนชีวิตจริงคนจน ไปใช้กับ “กระทรวงพัฒนาสังคม” ต่อยอดสร้างค่านิยมประดับบารมี ในตำแหน่งแห่งอำนาจ…เชิญได้เลย
#ชัยอารีย์ #สืบจากข่าว รายงาน