กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.สรร มั่นเมืองรยา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น, พ.ต.ท.ปวิช ข่าทิพย์พาที, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 3 กก.5 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายทศพล (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ 37/2565 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ”
สถานที่จับกุม ริมถนนหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งบริเวณ ซอยอ่อนนุช 80 แขวงประเวศ เขตประเวศ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2564 มีผู้ปกครองพาผู้เสียหายเป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เด่นชัย จ.แพร่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เด่นชัย จว.แพร่ เนื่องจากผู้เสียหายคนได้เข้าไปหาซื้อโทรศัพท์มือสองในอินเตอร์เน็ตเพื่อนำมาใช้งานในการเรียนออนไลน์ ปรากฏว่าเปิดไปเจอเพจเฟซบุ๊กร้านขายโทรศัพท์มือถือมือสอง โฆษณาขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน ราคาถูกกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป นักเรียนหญิงคนดังกล่าวจึงสนใจต้องการซื้อมือถือดังกล่าว โดยได้นำเงินเก็บตัวเองวางมัดจำกับผู้ขายในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท จากราคาขาย 14,000 บาท และผู้ขายให้ผ่อนเป็นรายเดือนอีกเดือนละ1,000 บาท ซึ่งหลังจากจ่ายเงินมัดจำไปแล้วก็ไม่สามารถติดต่อผู้ขายคนดังกล่าวได้อีกเลย จึงเสียใจมากจนล้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนผู้ปกครองต้องพาไปพบหมอเพื่อรักษาจนทราบเรื่องดังกล่าว แล้วได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ขายในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว กระทั่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบบัญชีที่โอนเงิน พบว่าเจ้าของบัญชีคือ นายทศพลฯ (ผู้ต้องหา) จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับการประสานให้ช่วยติดตามจับกุม จึงได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหามาทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซอยอ่อนนุช 80 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ จึงได้มาตรวจสอบจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าตนเองทำงานเป็นช่างกลึง ช่วงสถานการณ์โควิด-19 งานน้อย มีเพื่อนมาติดต่อให้เปิดบัญชีธนาคารมีค่าจ้างบัญชีละ 3,000 บาท ตนเองเดือดร้อนต้องการเงินมาใช้จ่ายจึงไปเปิดบัญชีธนาคารมา 5 บัญชี ให้กับเพื่อนไปแต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะเอาบัญชีตนเองไปโกงคนอื่นแบบนี้
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัย การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือมอบบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นใช้งาน อาจถูกนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปใช้ในทางทุจริต หลอกลวงบุคคลอื่น หรือไปใช้รับเงินจากธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะทำให้ท่านต้องตกเป็นผู้ต้องหาและถูกดำเนินคดีโดยไม่รู้ตัว
