16 กุมภาพันธ์ 2567 ทำเนียบ – วงถกดิจิทัลวอลเล็ต วานนี้ (15 กุมภาพันธ์) ไม่คืบ ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบ ยื้อเวลาอีก 30 วัน นายกฯ บอกไม่ใช่ว่าจะล่าช้า ย้ำเปิดกว้างฟังทุกความเห็น ยังปรับเงื่อนไขได้หมด ขอให้บอกมีเท่าไหร่ถึงเรียกว่ารวย หลัง ป.ป.ช.แนะแจกแต่กลุ่มเปราะบาง ไม่ชัดออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านหรือไม่ ต้องรอฟังความเห็น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ครั้งที่ 1/2567 ว่า ที่ประชุมรับทราบหนังสือจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยอ่านตามลายลักษณ์อักษรที่เสนอมา และมีมติให้ดำเนินการตามข้อหารือของกฤษฎีกาและข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ในการตั้งคณะทำงาน โดยมอบให้ฝ่ายเลขานุการรวบรวมข้อเท็จจริงตามข้อสังเกตต่างๆ มอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขยายขอบเขตการพัฒนา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตในโครงการ เพื่อเป็นไปตามข้อสังเกตต่างๆ โดยที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ มีบุคคลที่มีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน ซึ่งกรรมการนโยบายฯ เห็นด้วยกับรายชื่อเหล่านี้ และจะเริ่มดำเนินการทันที กำหนดระยะเวลาไว้ 30 วัน เมื่อเสร็จสิ้นจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ อีกครั้ง เพื่อนำข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เข้าหารืออย่างเป็นทางการ และพิจารณาเดินหน้าโครงการเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้ว่าแบงก์ชาติบอกว่าเพิ่งเห็นข้อสังเกตจากกฤษฎีกาและ ป.ป.ช. ในรายละเอียดวันนี้ จึงขอไปพิจารณาศึกษาก่อน ซึ่งตนยืนยันว่า ให้ไปศึกษาให้เต็มที่ พิจารณาข้อเท็จจริง มีข้อเสนอแนะสังเกตอย่างไรให้เสนอมา และที่ประชุมได้มีการเสนอให้ทุกภาคส่วนถกเถียงในวงกว้าง ไม่ใช่แค่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ เลขาธิการสภาพัฒน์ แต่จะรวมไปถึงกระทรวงดีอีเอส กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า วันนี้มีการพูดคุยในวงกว้าง ไม่มีการตัดการประชุม ทุกคนอยากจะเสนอแนะ ได้พูดคุยอย่างครบถ้วน แต่ต้องยอมรับว่า ข้อมูลของ ป.ป.ช. เพิ่งมาถึงมือหลายข้อมูล เป็นข้อมูลลับ วันนี้เพิ่งเปิดเผย หลายคนขอไปศึกษา ซึ่งตนยินดี เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่กรรมการทุกคนต้องไปศึกษา
สำหรับข้อเสนอของ ป.ป.ช. ที่อยากให้ใช้งบประมาณปกติ ไม่ใช่งบกู้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างจะพิจารณาใหม่ทั้งหมด ให้เสนอในวงกว้าง และจะพิจารณาสภาพเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อ GDP ที่ต่ำกว่าเศรษฐกิจปกติ เรื่องของดอกเบี้ย และหลายเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก และคณะกรรมการจะจัดการประชุมอีกครั้ง ไม่ใช่แค่พูดคุยวงนอก เพื่อความโปร่งใส แล้วทุกฝ่ายจะได้เสนอแนะอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ภายหลัง 30 วัน น่าจะมีอะไรที่ชัดเจน ทั้งนี้ ถ้าไม่ออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ โครงการจะไม่ทันปีนี้หรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ ต้องรอฟังความคิดเห็นว่ามีวิธีใด
ส่วนความรู้สึกประชาชนที่จะต้องรออีก 30 วัน นายกรัฐมนตรี บอกว่า เป็นข้อเท็จจริง ถ้าเร่งทำไปจะมีหลายภาคส่วนที่บอกว่าทำไมต้องเร่ง ถ้าเร่งก็จะมีข้อสังเกตว่า มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ เราเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ก็ชี้สถานการณ์กระทรวงพาณิชย์ว่ากำลังซื้อ กำลังมีการพยุงราคาค่าครองชีพ ถ้าทำเรื่องเก่าๆ ก็จะกลับเข้าสู่วังวนเหมือนเดิม ดังนั้น ถ้าต้องล่าช้าไปเพื่อความถูกต้อง รับฟังความเห็นในวงกว้าง เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและจำเป็น
ส่วนหากข้อเสนอทำได้หรือไม่ได้ ไทม์ไลน์จะขยับจากเดิมหรือไม่ หรือไม่ใช้เงินกู้ แล้วใช้งบปี 68 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับข้อสรุปว่าจะว่าอย่างไร และใช้คำว่าช้าแต่ชัวร์ก็เป็นไปได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะช้าหรือเปล่า เพราะไม่แน่ใจว่าข้อเสนอแนะเป็นอย่างไร เพราะหากข้อเสนอออกมา ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน มีคณะกรรมการที่ตั้งมาแล้วทุกภาคส่วนสบายใจ กำกับดูแลเรื่องนี้ให้โปร่งใสได้ คณะกรรมการที่ต้องรับผิดชอบในหน่วยงานก็ต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ ถ้าอธิบายได้ก็น่าจะเดินต่อได้เร็ว
ส่วนข้อเสนอ ป.ป.ช. แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จะต้องทบทวนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี บอกว่า ได้ทบทวนไปแล้ว ถ้าย้อนเวลาไปได้ว่ามีหลายคนแนะนำมา แต่เหตุผลที่ล่าช้า ตนก็ถามกลับไป สำหรับคนที่แนะนำว่า คนรวยคือมีเงินเท่าไหร่ ก็ไม่มีคนบอก เลยคิดไปเองว่า คนรวยมีเงิน 70,000 บาท แต่บางคนก็เห็นว่า 70,000 บาท ก็ยังมีหนี้สินอยู่ ไม่ใช่คนรวยอยากได้ด้วย พอตัดมาถึงอายุ 16 ปี ก็บอกว่าให้แจกเฉพาะคนเปราะบาง ให้ช่วยบอกตนหน่อยว่า คนเปราะบางควรเป็นเท่าไหร่ แล้วเรามาพูดคุยกันดีกว่า
สำหรับปี 2567 จะเกิดโครงการขึ้นได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี บอกว่า ต้องฟังจากคณะกรรมการประชุมกัน และยังไม่ได้บอกว่าไทม์ไลน์จะขยับล่าช้าออกไป ต้องฟังความคิดเห็นก่อน และ 30 วัน ยังอยู่ในเงื่อนไข ส่วนแผนการกู้เงิน 500,000 ล้านบาท ออกเป็น พ.ร.บ.หรือไม่ ก็ต้องรอฟัง