ผู้สื่อข่าวพบเรื่องที่ทำให้ชีวิตคนทำสื่อถึงกับจุกในหัวอก น้ำตาตกใน เมื่อทราบเรื่องราวของ “ลุงทองพิม” ชาวนาคนจนใจซื่อ ชาวจังหวัดนครพนม ผ่านพระภิกษุที่สนิทสนมกันรูปหนึ่ง โดยพระคุณเจ้ารูปนี้ท่านเป็นมหาเปรียญและเรียนจบด๊อกเตอร์ ได้โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ไว้ว่า
“ลุงทองพิม คือ คนแกร่งที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก”
ลุงเป็นคนขยันสู้ชีวิต หนักเอาเบาสู้ แม้อายุจะย่างหกสิบกว่าปีแล้วก็ตาม ไม่มีลูกจึงต้องทำงานทุกอย่างด้วยตนเอง แม้ลุงจะปลูกบ้านหลังเล็กใกล้ ๆ สวนธรรม แต่ลุงไม่เคยสักครั้งจะมารบกวน ขอโน่นขอนี่ งานหนักที่ไม่มีใครทำ ข้าพเจ้ามักจะไปไหว้วานแกมาช่วย แกก็ไม่เคยปฏิเสธเลย
เมื่อวานในตอนเย็น ได้ทราบข่าวว่าลุงผูกคอตาย สอบถามได้ความว่า
ลุงเผาฟางเตรียมพื้นที่ทำนา แต่บังเอิญในช่วงนั้นเกิดลมโหมกระหน่่ำมาอย่างแรง ทำให้ไฟลุกลาม ข้ามถนนไปสู่สวนยางของชาวบ้าน ลุงได้รีบเข้าสกัดเพลิง เพียงลำพัง โดยไม่คิดถึงอันตรายและชีวิตของตนเอง ลุงเป็นห่วงแต่สวนยางของชาวบ้าน จนลุงสำลักควันไฟสลบไป เผอิญมีชาวบ้านผ่านมาจึงได้เข้าช่วยนำร่างของลุงออกมาจากกองเพลิงที่กำลังโหมไหม้
กู้ภัยส่งร่างอันไร้สติของลุงไปโรงพยายามอย่างเร่งด่วน อาการเป็นตายเท่ากัน ที่สุดคุณหมอก็ช่วยลุงไว้ได้ ทำให้ชาวบ้านและลูกหลานดีใจ โล่งใจ…คุณหมออนุญาตให้ลุงออกมาพักฟื้นที่บ้าน
เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ลุงตัดสินใจจบชีวิตตนเองที่เพิงเล็กๆ ใต้ต้นมะขาม ภรรยาช่วยไว้ไม่ทัน
ลุงจากไปทิ้งคำถามให้คาใจว่า ทำไหมลุงรอดชีวิตจากไฟคลอกมาแล้ว ไฉนจึงต้องมาจบชีวิตของตนเองเล่า…?!?
หลายคนให้ทัศนะว่า ลุงเป็นคนดี เป็นคนจน แต่ไฟได้ไหม้สวนยางคนอื่น ซึ่งจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย เป็นจำนวนหลายแสนบาท ด้วยเหตุนี้ ลุงกลัวภรรยาจะเดือดร้อน จึงตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง
การจากไปของลุงสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในหมู่บ้าน และมันได้สะท้อนถึงปัญหาของชนคนรากหญ้า
การมีที่ปรึกษาและการเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งจำเป็น ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
“สืบจากข่าว” ขอคารวะหัวใจ “คุณลุงทองพิม” และอาลัยคุณลุงผู้มีหัวใจดีงาม