แม่แตงโมจ่อเปลี่ยนถือคริสต์

ผบช.ภ.1 นำทีมแถลงความคืบหน้าคดี “แตงโม” เผยสอบพยานไปรวม 118 ปาก มีทั้งฝ่ายโจทก์ คนบนเรือ พยานแวดล้อม พยานผู้เชี่ยวชาญ  ส่วนกรณีจะนำ 5คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ ยันต้องเป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวน ยันเครื่องจับเท็จไม่ใช่เครื่องพิเศษ บอกว่าใครพูดจริงใครโกหก  พร้อมตอบปม คุณหญิงหมอพรทิพย์ในฐานกมธ.วุฒิสั่งตำรวจ 3 ประเด็น แถมติงจะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของตำรวจหรือไม่ ขณะที่ “แม่แตงโม” ให้อภัย “หนุ่ม กรรชัย ,กระติก,ทนายษิทรา” ตามคำแนะนำของศาสนาจารย์ธงชัย เปิดใจถึงคดีแตงโม ไม่จำเป็นต้องให้ดีเอสไอทำ “ชัดมั้ย” ยังเชื่อมั่นตำรวจ เผยเตรียมเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ตามคำร้องขอของลูกสาว รอคดีจบก่อนจะดำเนินการฌาปนกิจศพ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2565 ที่สภ.เมืองนนทบุรี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี “แตงโม” น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ อายุ 37 ปี ตกเรือสปีดโบ๊ตในแม่น้ำเจ้าพระยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24  กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ แถลงผลการสืบสวนสอบสวนความคืบหน้าคดีของ “แตงโม” ว่า สรุปวันนี้ทำการสอบสวนปากคำพยานไปแล้ว 118 ปาก เป็นผู้กล่าวหา 3 ปาก เป็นผู้ต้องหา 2 ปาก เป็นประจักษ์พยาน 3 ปาก เป็นพยานแวดล้อม 92 ปาก  เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ 18 ปาก           

มีการรวบรวมวัตถุพยานในการตรวจสอบทั้งสิ้น มีกล้องวงจรปิด ตรวจสอบไป 70 ตัว 200 ไฟล์ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง 14 คลิป วัตถุพยาน 40 รายการ จำนวน 51 ชิ้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนทำการรวบรวมและทำการสอบสวนดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนกรณีที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ในฐานะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา มาตรวจเรือ ที่ภ.จว.นนทบุรี ตนเรียนว่าเรือลำนั้นเป็นของกลางในคดีอาญา เมื่อได้มาตรวจแล้วมีข้อสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ เท่าที่จับ ประเด็นได้มี 3 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเกี่ยวกับการสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเกินกว่านั้นแล้ว

ระหว่างนั้น นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ แตงโม เดินทางมาที่ สภ.อ.เมืองนนทุรี โดยเดินขึ้นสภ.ผ่านข้างโต๊ะแถลงข่าว

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ตามที่ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เมื่อวานนี้ กมธ.และ คุณหญิงหมอพรทิพย์ มาตรวจเรือ ถือว่าเป็นของกลางในคดีอาญา หลังการตรวจแล้วได้สั่งการให้ พนส.ดำเนินการอยู่ 3 ข้อ ๆแรกให้ดำเนินการสอบสวนพยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่ง พนส.ได้ทำการสอบสวนเกินกว่าที่คุณหญิงได้สั่งการไปแล้ว พยานผู้เชี่ยวชาญได้สอบไปแล้ว 18 ปากตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.จนถึงวันที่ 22 มี.ค.ไปเรียบร้องแล้ว นอกจากนี้ยังมีการนำเรือและสิ่งต่างๆ ไปทดลองหลายครั้ง ในการทำสำนวนการตรวจสอบในรายละเอียดในประเด็นการสอบสวน สาระสำคัญที่ต้องสอบสวน พนส.มีผู้บังคับบัญชา ผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบสั่งการอยู่ทุกประเด็นจนกว่าสำนวนจะสมบูรณ์ หากถ้าไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะมีพนักงานอัยการ ที่จะทำการตรวจสอบและสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติม ตามป.วิอาญามาตรา 143 อีกชั้นหนึ่ง

ประเด็นต่อไป ที่สั่งการให้ พนส.นำทั้ง 5 คนไปเข้าเครื่องจับเท็จ ตนนำเรียนดังนี้ จะมีการนำคนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จหรือไม่นั้น พนส.จะต้องมีการประชุมในรายละเอียดถึงประเด็นการสอบสวนแล้วต้องนำคำให้การไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเครื่องจับเท็จ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเครื่องจับเท็จนำไปวิเคราะห์คำให้การว่าสามารถเข้าเครื่องจับเท็จในประเด็นใดได้หรือไม่ ไม่ใช่เพียงคิดว่าจะเข้าแล้วเข้าได้เลย ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่พนส.จะต้องนำเข้าที่ประชุมอยู่แล้ว

ผบช.ภ.1 กล่าวต่อไปว่า เครื่องจับเท็จเป็นเครื่องวิทยาศาสตร์เครื่องหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องมือพิเศษเข้าไปแล้วจะบอกได้ว่าคนนี้พูดจริง คนนี้พูดโกหก เป็นเครื่องมือที่ใช้จับพฤติกรรมการตอบสนองของบุคคลเข้าเครี่องจับเท็จในพฤติกรรมต่างๆ อันนี้ต้องอาศัยผู้ชำนาญการเป็นผู้ดำเนินการ

ส่วนประเด็นที่สั่งการให้พนส.เก็บเรือของกลาง ตนนำเรียนว่า การเก็บรักษาเรือของกลาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ที่เกี่ยวข้อง พนักงานสืบสวนสอบสวน นิติเวชและพฐ. ได้ทำการตรวจสอบเก็บร่องรอยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปแล้ว จนหมดความจำเป็นเกี่ยวกับร่องรอยพยานหลักฐาน ที่ยังยึดไว้ เนื่องจากเป็นพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิด เพื่อรอคำสั่งศาลต่อไปเท่านั้น ทำนองเดียวกันเหมือนกับคดีรถชนทั่วไป ชนแล้วก็ยึดไว้โรงพัก ก็จอดอยู่เมื่อเก็บหลักฐานได้ ก็คืนรถไป หรือเป็นไปตามคำสั่งของศาลในชั้นดำเนินคดีต่อไป

ตนตอบคำถามใน 3 ประเด็นนี้ อีกประเด็นเกรงว่าการสั่งการของท่าน อาจจะเข้าข่ายการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่  อย่างไรก็ตามผบช.ภ.1 ไม่ตอบคำถามประเด็นนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากการชี้แจงการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ ค่อนข้างที่จะครบ การสรุปสำนวนคดีทางตำรวจจะดำเนินการอย่างไร ผบช.ภ.1 ตอบว่า ตอนนี้เรายังขาดการรายงานผลการชันสูตรรอบ 2 จากนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม อีก ยังไม่ทราบว่าจะส่งมาเมื่อไหร่ และเมื่อส่งมาแล้ว พนักงานสอบสวนยังต้องไปสอบปากคำพยานที่เป็นผู้ผ่าชันสูตรรอบ2 อีกกี่ท่าน ตรงนี้ต้องรอ 

ส่วนผลการผ่าชันสูตรรอบ 2 จะนำเข้าสำนวนมากน้อยแค่ไหน ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ต้องเอาเข้าอยู่แล้ว เมื่อถามว่าถ้าผลชันสูตรรอบ 2 แย้งกับครั้งแรกจะมีปัญหาหรือไม่ ผบช.ภ. 1 ตอบว่า ก็ทำการสอบสวนต่อไป ทั้งหมดตำรวจทำไปตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา มีการเร่งรัดการทำงานอยู่ตลอด ให้ความเป็นธรรมเต็มที่กับฝ่ายผู้เสียหาย เป้าหมายคือหาคนผิด ส่วนกรอบระยะเวลาสรุปสำนวนส่งอัยการ อยู่ในกรอบ 60 วัน ที่จะขยายได้

ผบช.ภ.1 กล่าวว่า กรณีที่ผบ.ตร.ได้ชี้แจงกรณีคุณแตงโม ขอให้ถ่ายทอดข้อความให้ครบถ้วนกระบวนความ ไม่ตัดตอนให้เกิดความเข้าใจไขว้เขว ส่วนตอนนี้ให้น้ำหนักคดีแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ว่าเราทำไปตามขั้นตอนอยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด

ส่วนกรณีที่นายปอ และ โรเบิร์ต จะครบกำหนดรายงานตัวอีกวันใด ผบช.ภ.1

ต่อคำถามที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เผยว่ามีนายตำรวจข่มขู่ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จะมีการเชิญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ มาสอบปากคำว่ามีนายตำรวจข่มขู่จริงหรือไม่ ผบช.ภ. 1 กล่าวว่า  อันนี้ไม่ทราบว่ามีนายตำรวจคนใดข่มขู่ท่าน ถ้าท่านได้รับความเดือดร้อนหรือเกิดความไม่สบายใจ มาพบตนหรือพนักงานสอบสวนได้ เราจะดำเนินการให้ เมื่อถามว่าในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีใครโทรส่วนตัวใช่หรือไม่ ผบช.ภ.1  กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ ต้องถามท่าน ถ้าระดับ ตร.ใหญ่กว่าตตน คงไม่มี ท่านไม่ให้แทรกแซง ตนเรียนว่าการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่มีใครสามารถแทรกแซงพนักงานสอบสวนได้ไม่ว่าพนักงานพิสูจน์หลักฐาน หรือนิติเวช การสอบสวนเป็นไปตามกฎหมาย ผู้บังคับบัญชาอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสายนี้ ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้

ส่วนผ้าสีขาวของแตงโมนั้น ผบช.ภ.1 ตอบว่า ไม่เจอ ถ้าใครพบเห็นยินดีรับเข้ามา ส่วนการจำลองรอบสุดท้ายผลออกมาหรือยัง  ผลการจำลองใช้เนื้อหมูกับใบพัดออกมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พนักงานสอบสวนหรือตนเปิดเผยได้ในบางส่วนเท่านั้น ผลการชันสูตรศพ ตนก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาใครเพิ่มไม่มี

ถัดจากนั้น นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า วันนี้ไปที่ท่าพิบูลสงคราม 1 เอาช่อดอกไม้ไปให้ ไปกล่าวคำอาลัยเขา ครบ 30 วันพอดี ตนเพิ่งมาท่าน้ำวันนี้เอง เพราะยุ่งทุกวัน ต่อคำถามว่า คุณแม่จะเปลี่ยนศาสนาหรือไม่  นางภนิดา ตอบว่า น้องโมขอทุกวัน ชวนคุณแม่ไปโบสถ์ จนรู้วิธีการในโบสถ์  ไปโบสถ์กับเขาบ่อย ๆ ซึมซับเข้าไป มีรู้สึกว่าเขาสอนให้คนรักกัน โกรธกันก็ให้อภัยกัน ได้รับฟังก็ตบตัวเอง คือคุณแม่โกรธคนอยู่ 3 คนด้วยกันในงานไว้อาลัยให้น้อง ท่านอาจารย์ธงชัย ได้พูดว่าให้อภัยเขาไปเถอะ ไม่เก็บเอามาคิดให้หนักสมอง รู้ว่าคุณแม่เครียดหลายเรื่อง ตนก็เฉย ๆ ท่านก็ไปเชิญ 3 คนนี้มา คือพี่หนุ่มกรรชัย กระติก และท่านษิทรา ที่เหมือนติดใจว่าคุณแม่ติดใจนิดหน่อย จึงเชิญมายืนต่อหน้า บอกว่าคุณแม่ให้อภัยได้ไหม ทั้งสามคนก็พนมมือขออภัย ถ้าโกรธเต็มร้อย ตัวเราเองก็ไม่สบายใจ ตนเห็นกระติกในจอ ก็โกรธ เห็นทนายษิทราก็โกรธ ส่วนพี่หนุ่มนี่ตัวเสี้ยมเลย บอกตรงๆ ก็โกรธ พอ 3 คนนี้มายืนตรงหน้า คุณแม่ก็บอกกับอาจารย์ธงชัยว่า เราจะไปโกรธเขาทำไม โกรธก็เหมือนเราแบกโลกไว้อีก 3 ใบ แต่ถ้าเราให้อภัยเขาเสีย เราก็จะไม่ไปคิดถึงเรื่องนี้ ไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า ก็เลยคิดว่าท่านษิทราก็ไม่มีอะไรที่โกรธรุนแรง จริงๆ เขามายุ่งกับพี่ต่อย (ดายศ) ลูกชายคุณแม่ โกรธเพราะตรงนี้ ต้องกันลูกชายออกมา ไม่อยากให้ไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้

ส่วนกระติกนั้นก็ทราบว่าคุณแม่โกรธเรื่องอะไร ส่วนพี่หนุ่มก็เรื่องรายการเขานั่นแหละ เสี้ยมให้คุณแม่พูด โอเคเหตุผลมีเท่านี้ พอให้อภัยได้ ก็ให้อภัยไปเลยทั้งสามคน ต่อหน้าท่านธงชัย ตอนนี้ก็เลยไม่มีใครให้โกรธแล้ว ถ้างานน้องโมเสร็จเรียบร้อย ก็ขอเวลาทำใจนิดหนึ่งคุณแม่จะเปลี่ยนไปศาสนาคริสต์ ที่เปลี่ยนก็เพราะว่า ให้เป็นของขวัญให้น้องโมด้วย ที่ขอมานานแล้ว และตัวคุณแม่เองที่เข้าโบสถ์ไปเซลส์ตามบ้านย่อยๆ ใครจัดก็เชิญเพื่อนคริสต์ไปนั่งคุยกัน ด้วยภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาสันสกฤต ศาสนาพุทธท่านสวดแล้วเราก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้ว่านะ ศาสนาคริสต์เข้าใช้คำพูดเป็นภาษาไทยทั้งหมด คุณต้องการอะไร คุณจะสารภาพอย่างไร เขาพูดออกมาเป็นภาษาไทย แล้วอธิบายคุยกัน ประชุมกัน รู้เรื่องมากกว่าฟังพระสวด อันนี้ขออภัยนะ ถ้าผิดพลาดสำหรับศาสนาพุทธ มันก็มีเหตุอย่างนี้ เราประทับใจท่านธงชัย ที่เรียกว่าเป็นศาสนาจารย์ คุณแม่รู้จักมานาน ไปโบสถ์ทีไรก็เจอท่าน น่ารักน่าเคารพน่าเลื่อมใส

ต่อคำถามว่าได้ไปที่ท่าเรือที่เป็นจุดพบศพแตงโม รู้สึกอย่างไรบ้าง นางภนิดากล่าวว่า เพิ่งเดินมาถึงเห็นแม่น้ำก็หนาวสั่นแล้ว มันรู้สึกสะท้อน นี้คือแม่น้ำที่ลูกเราตกไปตายอยู่ในแม่น้ำนี้นะ มันสะท้อนสะท้านจิตใจมาก ขนลุกด้วย หัวใจสลาย บอกตรงๆ หัวใจสลายตั้งแต่วันนั้นที่มาตี 3 ที่ท่า ทราบเท็จจริงว่าไม่อยากเชื่อว่าเป็นลูกเรา ลูกเรามาทำอะไรที่ท่าน้ำ แล้วทำไมตกน้ำต้องตาย ตายเร็วเหลือเกิน เพิ่งคุยกันหลัดๆ แล้วมาตายเร็วเหลือเกิน ยังทำใจไม่ได้ ก็ด้วยวิธีลูบหน้ารูปที่บ้าน เหมือนกับเขา คุยกับเขาเหมือนเขาอยู่กับเรา เมื่อวานไปพบท่านนายพล(ผบช.ภ.1)มา ท่านก็สอนให้ ร่างกายเราเริ่มทรุดโทรม หัวใจทำงานหนัก ร่างกายหัวใจไม่ไหว ท่านสอนให้นั่งสมาธิ ให้สวดมนต์ออกกำลังกาย ไปเดินเล่นบ้าง อย่าอยู่แต่ในห้องในบ้าน ให้ไปพบเพื่อน ให้ไปร้องเพลงบ้าง คือตนชอบเก็บตัว เงียบๆ ยิ่งตอนน้องโมเสียก็ยิ่งเก็บตัวไม่ได้พูดกับใคร

ส่วนคำถามว่าตอนนี้พอใจกับคดีนี้หรือไม่ นางภนิดา ตอบว่า พอใจ วันนี้ได้ฟังแถลงของ ผบช.ภ.1 ก็พอใจ ประทับใจมาตั้งแต่ต้นกับการทำงานของตำรวจ เมื่อวานก็นำกรมธรรม์ประกันภัยไปฝากไว้กับ ผบช.ภ.1 เพราะกระติกไม่มาติดต่อเลย เขาไม่กล้ามาสู้หน้าอยู่แล้ว กลัวเวลาจะหมด เพราะกรมธรรม์มีอายุอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องกำหนดการฌาปนกิจศพ “แตงโม” นั้น นางภนิดา กล่าวว่า ก็มีการคุยกับ ท่านอาจารย์ธงชัย ท่านบอกว่าก็แล้วแต่ตนเอง ตนขอให้คดีนี้จบเรียบร้อย ท่านได้แถลงข่าวจบคดี เราก็ค่อยมานัดกันว่าจะทำพิธีวันไหน เป็นอีกเดือนหนึ่งหรือครึ่งเดือนก็ได้ เราไม่บอกวันไหน แล้วแต่ท่านจะทำอย่างไร เราไม่รีบหรอก  คือน้องยังอยู่ก็เหมือนเขายังอยู่กับเรา แต่ถ้าเผาเขาแล้ว เขาก็เหมือนเศษเถ้าธุลี ต่อคำถามว่าจะเผาเมื่อคดีจบหมายถึงชั้นศาลหรือไม่ นางภนิดากล่าวว่า จบชั้นตำรวจส่งฟ้อง ถ้าไปอย่างนั้นเดี๋ยวน้องรู้สึกอึดอัด

ส่วนถามว่าคดีนี้จำเป็นต้องไปถึงสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอหรือไม่ นางภนิดา ตอบว่า ส่วนตัว ไม่จำเป็น ชัดไหม ส่วนข้อสงสัยในคดีของตำรวจ นั้น ไม่มี ถ้าได้เห็นตำรวจทำงานทุกท่านเหนื่อย เหนื่อยยิ่งกว่าคดีอื่นๆ เพราะมีรายละเอียดเยอะมาก ผู้เกี่ยวข้องเยอะมาก แล้วคนในเรือ 5 คนนี้ก็ เพื่อนเยอะมาก ก็ต้องเรียกมาสอบสวน มันเหนื่อย มันกลายเป็นมหากาพย์ไปแล้วนะ แตงโม ส่วนที่เร่งรัดหรือไม่นั้น นางภนิดา ตอบว่า ตนไม่รีบ เอาตามเวลาที่ท่านต้องการ น้องโมไม่รีบ เอาตามสะดวก ไหนๆก็เลื่อนมานาน เมื่อถามถึงกรณีทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทำทั้งคดีอาญาและแพ่งด้วยหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่ทราบ แต่ท่านเดชาได้ทำคดี น้องแตงโม คนเดียว

ขอบคุณที่มาคลิป : Dailynews – เดลินิวส์ออนไลน์