“…หลานสาวความโลภครอบงำ พาศพลุงไปเซ็นเบิกเงินธนาคารในห้างใหญ่ นั่งรถเข็นพาว่อนก่อนเข้าแบงก์ ทำทีพูดคุยกับศพลุงเหมือนยังมีวิญญาณ จับมือให้เซ็นเอกสารเบิกถอนเงินกว่าแสน พนักงานเห็นท่าไม่ปกติ ถ่ายคลิปเป็นหลักฐานแจ้งตำรวจจับ รถฉุกเฉินโรงพยาบาลเผยลุงตายแล้วแต่ถูกหลานสาวหิ้วศพนั่งรถเข็นออกจากโรงพยาบาลอย่างรีบร้อน ตำรวจจ่อจัดให้หลายกระทงความผิด…”
วันที่ 18 เมษายน 2567 มีรายงานจากเว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ ว่า ที่ นครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิลหญิงคนหนึ่งได้พาร่างไร้วิญญาณของลุงตนเองไปยังธนาคาร เพื่อเบิกเงินจากธนาคาร โดยร่างลุงอยู่ในรถเข็นในสภาพซีดเผือดคอพับ ไร้ลมหายใจ
ในรายงานระบุว่า ขณะที่ลำคอของลุงพับก้มลง ไม่ตั้งเหมือนคนปกติ หลานสาวพยายามจับคอตั้ง โดยประคองไว้ให้ตรง แล้วทำทีพูดคุยกับร่างของลุงให้เหมือนคนปกติเพื่อไม่ให้ผู้อื่นจับพิรุธผิดสังเกตได้ โดยพูดตลอดเวลาให้ลุงเซ็นเอกสาร ด้วยการจับมือให้ถือปากกาเพื่อเซ็นเอกสารเบิกถถอนเงิน ต่อหน้าพนักงานธนาคาร ด้วยการพูดว่า “คุณลุงคะ ได้ยินหรือเปล่าคะ คุณลุงต้องเซ็นชื่อในเอกสารนะ หนูเซ็นแทนไม่ได้” หรือ “เซ็นตรงนี้ และเลิกทำให้หนูปวดหัวได้แล้ว” เพื่อทำให้พนักงานที่เคาน์เตอร์เข้าใจว่าลุงยังมีชีวิต
ระหว่างนั้นพนักงานธนาคารที่รับเรื่อง กล่าวว่า ตนเห็นว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่ถูกกฎหมาย และท่าทางลุงน่าจะไม่สบายมาก ใบหน้าซีดมาก แต่หลานสาว ชื่อ เอริกา เดอ ซูซา อายุ 42 ปี ตอบว่า “ลุงปกติก็เป็นแบบนี้” แล้วแสร้งถามว่าลุงไม่สบายหรือเปล่า จะกลับไปโรงพยาบาลดีไหม ตอนนั้นพนักงานธนาคารยิ่งเพิ่มความสงสัย จึงได้บันทึกคลิปวีดีโอ ก่อนจะแจ้งตำรวจและให้รถพยาบาลฉุกเฉินมารับตัวลุง
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่น่าช็อกที่สุดคือ หน่วยกู้ชีพยืนยัน ว่า ชายที่ชื่อนายเปาโล โรแบร์โต บรากา อายุ 68 ปีนั้น ได้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล แต่ถูกหลานสาวมารับศพออกไปยังธนาคารด้วยรถเข็น เพื่อไปทำสัญญากู้เงินจำนวน 17,000 เรอัลบราซิล หรือ 119,090 บาท
นายฟาบิโอ ซูซา หัวหน้าตำรวจ ระบุว่า เมื่อตอนตำรวจมาพบลุงของเอริกา คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง อยางไรก็ตามเอริกาอ้างว่าลุงเพิ่งเสียชีวิตขณะอยู่ในธนาคาร เจ้าหน้าที่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิด พบว่าเอริกาเข็นวีลแชร์ที่ลุงนั่งอยู่ไปทั่วห้างสรรพสินค้าก่อนจะเข้าไปในธนาคารสาขาในห้าง
จากเหตุการณ์นี้คาดว่า เอริกา จะต้องถูกตั้งข้อหาทั้งพยายามยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง และกล่าวให้ร้ายผู้เสียชีวิต ด้วย
#สืบจากข่าว รายงาน
