“…ปัญหาแรก “ภัยแล้ง” อากาศร้อนแล้งต่อเนื่องเป็นเวลานานผิดปกติ ทั่วประเทศไทย ร้อนถึงร้อนจัดอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลกระทบโดยตรงก่อเกษตรกร ต้นไม้เศรษฐกิจที่ปลูกไว้อาจตายได้ ปัญหาที่สอง หลัง ค.ส.ช. ได้เป็นรัฐบาล ได้ออกกฎหมายบังคับใช้อวนรุนที่ใช้อวนติดปุ่ม เรืออวนลากคู่ เรือปลากะตัก เป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย ห้ามทําการประมง ทำให้ชาวประมงเดือดร้อน ทำมาหากินลำบาก เกษตรกรและชาวประมงจึงพร้อมใจกันร้องต่อ สส.นอกสภา วัชระ เพชรทอง ช่วยเหลือ…”
จากกรณีเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ชาวประมงเล่าให้ นายวัชระ ฟังว่า เรืออวนรุนขนาดเล็กที่ใช้อวนติดปุ่มในการจับสัตว์น้ำ ปากอวนติดปุ่มไม่ถึงหน้าดิน จะสูงจากหน้าดินประมาณ 4-12 นิ้ว ซึ่งไม่ทําลายหน้าดิน ไม่ทําลายระบบนิเวศน์ของธรรมชาติ ไม่ทําลายสัตว์น้ำที่อนุรักษ์ ชาวบ้านเคยหากินสุขสบายตามวิถีพื้นบ้าน ต่อมาเมื่อรัฐบาล ค.ส.ช. ได้เป็นรัฐบาล ได้ออกกฎหมายบังคับใช้อวนรุนที่ใช้อวนติดปุ่ม เรืออวนลากคู่ เรือปลากะตัก เป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย ห้ามทําการประมง ชาวบ้านเล่าต่อว่า รัฐบาล ค.ส.ช.ให้ชาวบ้านเปลี่ยนอาชีพ แต่การเปลี่ยนอาชีพต้องมีเงินทุนเงินทุนสํารอง ไม่ใช่ว่าบอกให้เปลี่ยน ก็จะเปลี่ยนกันง่ายๆ จึงปรึกษากันยื่นหนังสือถึง นายวัชระ เพชรทอง ให้ช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่น้ำหนักเรือไม่เกิน 10 ตันกรอส ให้ได้กลับมาเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายเหมือนเดิม จากนั้น นายวัชระ จึงได้โทรศัพท์ประสานงาน นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือเร่งแก้ไขปัญหาต่อหน้าชาวประมงทันที โดย นายประยูร รับปากกับ นายวัชระ ว่าจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านโดยเร็ว สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านที่ได้ร่วมรับฟังการเจรจาเป็นอย่างมาก
ต่อมาวันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 11.20 น. ที่ห้องทำงานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ชาวประมงพื้นบ้าน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อขอให้ทบทวนหรือผ่อนผันกฎหมายบังคับใช้อวนรุนที่ใช้อวนติดปุ่ม เรืออวนลากคู่ เรือปลากะตักเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย ห้ามทำการประมงหรือผ่อนผันและกรุณาให้ความยุติธรรมกับชาวประมงพื้นบ้านทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ นายวัชระ ยังได้ขอให้ นายประยูร แก้ไขปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรชาวสวน จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช โดย นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับปากจะรีบดำเนินการให้พี่น้องเกษตรโดยเร็วที่สุด
โดยนายวัชระ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “ตนในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับปัญหาประสบภัยแล้งอากาศร้อนแล้งต่อเนื่องเป็นเวลานานผิดปกติ ทั่วประเทศไทยร้อนถึงร้อนจัดอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้แต่บางอำเภอขุดบ่อบาดาลลึกกว่า 100 เมตรก็ไม่พบน้ำทำให้ขาดแคลนน้ำสำหรับใช้ในทางเกษตร ได้แก่ สวนทุเรียน สวนเงาะและต้นไม้ต่าง ๆ หากร้อนแล้งต่อเนื่อง สวนผลไม้ ต้นไม้เศรษฐกิจที่ปลูกไว้อาจตายได้ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนโดยตรงและกระทบต่อการส่งออกไปตลาดต่างประเทศในอนาคต
ดังนั้น เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว ตนขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในทางการเกษตรได้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับพี่น้องเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชโดยเร็วที่สุด…”
นายวัชระ ยังกล่าวอีกว่า “ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านกลุ่มอวนรุนขนาดเล็ก อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีสมัยรัฐบาล ค.ส.ช. ได้ออกกฎหมายบังคับใช้เรืออวนรุนต้องถูกยกเลิกห้ามทำการประมง ห้ามมีเครื่องมือไว้ในครอบครองเป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่คำนึงถึงพื้นที่ ทรัพยากรที่มีและธรรมชาติต่าง ๆ โดยรัฐบาลไม่มีอาชีพอื่น ๆ ที่เหมาะสมชัดเจนมารองรับให้กลุ่มเรืออวนรุนขนาดเล็ก ไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและสำรวจว่ากลุ่มเรืออวนรุนขนาดเล็กจะดำรงชีพกันอย่างไร หลังจากไม่ได้ออกเรือไปทำประมงปรากฏว่าสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งที่ผ่านมาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย จนถึงรัฐบาล ค.ส.ช. พ.ศ. 2558 ชาวประมงพื้นบ้านทำมาหากินสุขสบายตามสภาพพื้นที่เป็นอาชีพพื้นบ้านที่ถูกกฎหมายอาชีพหนึ่ง
ปัญหาและข้อเท็จจริงเกิดจากการที่รัฐบาล ค.ส.ช.ออกกฎหมายตามต่างชาติโดยไม่คำนึงถึงสภาพข้อเท็จจริงของสังคมไทย ทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านผิดกฎหมายไปกับกลุ่มเรือประมงพาณิชย์ จึงควรแยกกลุ่มประมงพื้นบ้านออกมาและแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงและบริบทของสังคมไทยและไม่กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
ตนในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เรื่องปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกำกับดูแลกรมประมงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาทบทวนหรือผ่อนผันการบังคับใช้กฎหมายห้ามเรืออวนรุนทำประมง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเร็วที่สุด…”
ทั้งนี้ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากรับหนังสือจาก นายวัชระ แล้ว ได้รับปากว่า จะรีบดำเนินการให้พี่น้องเกษตรโดยเร็วที่สุด
