วันนี้ (12 มิ.ย 67) เวลา 10.00 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายอัจฉริยะ เรืองรัตพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ปคบ. กรณีที่ สองสามีภรรยา ดาราชื่อดัง โพสต์ขายสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน โอ้อวดเกินจริง ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ อาหารและยา มาตรา 40 และ 41 ที่มีอัตราโทษ จำคุก 3 ปี และปรับ 5000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ซึ่งจากที่ตนมา ให้ข้อมูลเพิ่มเติม กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. เนื่องจากตนได้ฟังแถลงข่าวของทาง สองสามีภรรยา และทางทนาย มีอยู่ประมาณ 3 ประเด็นที่ตนสามารถจับใจความได้จากการแถลงข่าวของ สองสามีภรรยา ซึ่งจาก กิริยาที่เห็น มองไม่เห็นเลยว่าจะมีความรับผิดชอบอะไรเลย แล้วยังบอกอีกว่า อาหารเสริมมีการปลอมแปลง และบอกว่า ไม่มีการผสมสารไซบูทรามีนอีก
โดยเมื่อวานที่ผ่านมา ทางทนาย ของสองสามีภรรยาได้ไป มอบหนังสือ ให้นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นำตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากลอตการผลิตเมื่อเดือน ก.พ.-เม.ย. 2567 ที่ได้จากโรงงานผลิต รวมถึงตัวอย่างสินค้าลอกเลียนแบบ มาให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบสารไซบูทรามีน
โดยหลังจากเสร็จสิ้นการหารือ ดร.ธนกฤต ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้รับการประสานงานจากทนายเจมส์ว่าจะนำสินค้ามายื่นขอให้กระทรวงฯ ตรวจสอบสารปนเปื้อนของสารไซบูทรามีน เมื่อร้องขอมาก็จะตรวจสอบให้ตามที่ร้องขอ ให้รับตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์หาสารปนเปื้อนว่ามีหรือไม่ โดยใช้เวลาตรวจอย่างน้อย 7–10 วัน แต่ผลออกมาอย่างไรจะไม่ไปกระทบกับสำนวนของการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่กำลังดำเนินการในส่วนคดีความ แต่เป็นการยืนยันเฉพาะสินค้าที่ได้รับมาตรวจเท่านั้น
ซึ่งนายอัจฉริยะ เปิดเผยต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ไม่ควร ที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายในเรื่องนี้ ควรเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้ และประเด็นที่ ทางสองสามีภรรยา ได้โทรมาไกล่เกลี่ยกับตน บอกว่าขอโทษ และพร้อมเยียวยา ตนขอบอกไว้ตรงนี้ว่า ตนไม่รับคำขอโทษ เนื่องจาก ตนโดนดูถูก ว่าโดนรับจ้างมา ทั้งบอกว่าใส่ร้ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเขา ซึ่งความเป็นจริง ตนไม่ได้ที่จะใส่ร้ายเขา สิ่งที่ที่ตนทำ เพื่อความถูกต้อง และไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อ ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ผสมสารอันตรายนี้
ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกทางเจ้าของโรงงานที่ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้ มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และจะให้มีการตรวจสอบภาษีของบริษัทต่างๆ ที่ผลิตผลิตอาหารเสริมนี้ ว่าถูกต้องหรือไม่ และแม้ว่าผลตรวจ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้จะออกมาอย่างไรก็ตามตนก็จะเดินหน้าดำเนินคดีกับผลิตภัณฑ์นี้ไปเรื่อยๆ จนกว่า ทางผลิตภัณฑ์นี้จะเลิกขายหรือเลิกโพสต์อ้างสรรพคุณที่เกินจริง